เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 นายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปพบ นายมูฮัมหมัด นิดชวน บิน อบู ยาชิด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ณ จังหวัดสงขลา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาในพื้นที่ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน
พร้อมขอบคุณที่ทางการมาเลเซียได้อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมาเลเซีย เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัด มากเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดรายได้เข้าจังหวัดสงขลาเป็นจำนวนมาก
นายสรรเพชญ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณท่านกงสุลใหญ่มาเลเซีย และ จนท.ทุกส่วนฝ่ายที่ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมทั้งให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดด้านการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งทั้งสองประเทศเรามีต้นทุนที่ดีจากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา และไม่เคยมีความขัดแย้งที่นำสู่ความรุนแรง
นอกจากนี้ เรายังมีข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน เช่น ในการพัฒนาโครงการ IMT-GT ที่ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันก็มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง มีการประชุมความร่วมมือต่างๆ ซึ่งความร่วมมือระหว่างกันนี้ เป็นการชี้ให้เห็นถึงการมองไปยังอนาคตร่วมกันระหว่างไทยกับมาเลเซียทั้งในระดับทวิภาคี ไตรภาคี และกลุ่มสมาชิก
นายสรรเพชญ กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่ได้หารือระหว่างกันในวันนี้ ได้หารือโดยมีทิศทางตามกรอบความร่วมมือที่ได้ตกลงร่วมกันเป็นหลัก ซึ่งจะเห็นได้ว่า กรอบความร่วมมือต่างๆ นั้น ได้ครอบคลุมเรื่องการพัฒนาในทุกมิติ
อย่างล่าสุด ผลการประชุม IMT-GT ครั้งที่ 28 เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ก็ได้เห็นชอบร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย(รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย)เพื่อพลิกฟื้นประเทศหลังการระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมยกระดับการท่องเที่ยวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
รวมทั้ง การประชุม JDS ล่าสุด มีการลงนามบันทึกข้อตกลง ในประเด็นต่างๆ เช่น ด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวที่ตั้งเป้าการค้าร่วมกันที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 เป็นต้น
รายละเอียดตามที่ได้ชี้แจงมานั้น ถือเป็นทิศทางที่ชี้ให้เห็นทิศทางการพัฒนา โดยในฐานะส.ส.เอง สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นจริงก็คือการพัฒนาที่นำสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่คนในจังหวัดสงขลา และพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจังหวัดสงขลามีจุดเชื่อมด่านชายแดนกับประเทศมาเลเซียหลายจุด
ที่สำคัญ มีมูลค่าการค้าผ่านชายแดนในแต่ละปีจำนวนมหาศาล มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศแต่ละวันจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ก็มีโครงการพัฒนาด่านพรมแดนสะเดา เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายรัฐบาล ในการพัฒนาเมืองชายแดน สร้างฐานการผลิตเชื่อมโยงกับอาเซียน
สำหรับจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้พื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอสะเดา ประกอบด้วย ตำบลสะเดา ตำบลสำนักขาม ตำบลสำนักแต้ว และตำบลปาดังเบซาร์ เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ซึ่งในส่วนของโครงการก่อสร้างถนนเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.สะเดา จ.สงขลา(ถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของประเทศมาเลเซีย) นั้น อยู่ในระหว่างดำเนินการซึ่งต้องเร่งรัดให้เสร็จเพื่อเปิดด่านชายแดนแห่งใหม่ให้ได้โดยเร็ว
ในส่วนจังหวัดสงขลาเอง มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว มาใช้เงินวันหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก เราต้องมีความพร้อมเพื่อรองรับภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ขณะเดียวกันต้องสร้างภาคการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ภายใต้รูปแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง และต้องให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม โดยเราต้องดึงศักยภาพจากเยาวชน นักศึกษา และคนในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนสำคัญในการผลักดัน ต่อยอดสิ่งทีมีอยู่เพื่อให้สงขลาเป็นเมืองของคนสงขลาทุกคน