วันนี้ ( 9 มิ.ย. 66) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งให้มีการนับคะแนน 47 หน่วยเลือกตั้งใหม่ ว่า เป็นมติที่ประชุม กกต. เนื่องจากเห็นว่าจำนวนบัตรออกเสียง กับจำนวนผู้มาใช้สิทธิตรงกัน แต่คะแนนที่นับออกมาไม่ตรงกัน อาจจะมีสาเหตุจากการขีดคะแนนผิดพลาด จึงจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่ใน 47 หน่วย
ทั้งนี้ กระบวนการนับใหม่จะต้องทำโดยไม่ล่าช้า คิดว่าไม่เกิน 5 วันก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็จะต้องส่งผลการนับคะแนนมาให้ กกต.อีกครั้ง
“การนับคะแนนใหม่จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. ที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ เพราะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น” ประธาน กกต.ระบุ
เมื่อถามว่ากฎหมายให้อำนาจกกต.วินิจฉัยว่า ถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับส.ส.ไม่ต้องนับใหม่ ประธานกกต.กล่าวว่า มาตราดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกรณีที่พบว่า บัตรออกเสียงเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับที่เหตุ กกต. สั่งนับคะแนนใหม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีกรณีที่สำนักงาน กกต.จะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการนับคะแนนใหม่ หรือ สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้กกต.พิจารณา ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่า จะมีความเห็นว่าอย่าง ซึ่งจำนวนไม่มาก แต่อาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
ประธานกกต.กล่าวว่า เรื่องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง กกต.ไม่สามารถทยอยประกาศรับรองผลได้เหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 จะทยอยประกาศไม่ได้
อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่า ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมา ได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตหรือไม่ หากกกต.พิจารณาเห็นว่า มีเรื่องร้องเรียน โดยขั้นตอนหากมีการร้อง สำนักงาน กกต. จะพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่มีมูล ควรสั่งรับคำร้องหรือไม่ หากรับก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และดำเนินการสืบสวนไต่สวนไป
“ถ้าหากดำเนินการไม่ทันภายในเวลา 60 วัน กกต.ก็จะประกาศรับรองผลไปก่อนแล้วไปดำเนินการในภายหลัง โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนว่าจะสามารถประกาศรับรองผลได้เมื่อไหร่ แต่เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองผลได้เร็วกว่า 60 วัน เร็วกว่า เมื่อปี 2562 แน่ๆ เพราะกกต.เองก็ไม่อยากให้ล่าช้า”
ประธานกกต.ยังกล่าวถึงกรณีคำร้องการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่า มีการยื่นคำร้องมา 3 คำร้อง อยู่ในขั้นตอนสำนักงาน กกต.พิจารณาว่าจะรับเป็นคำร้องหรือไม่ และหากไม่รับเป็นคำร้อง จะรับเป็นความปรากฏต่อกกต.หรือไม่ หากรับก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน มาดำเนินการสืบสวนไต่สวน และเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ ซึ่งกระบวนการสอบสวนสามารถทำควบคู่ไปกับการประกาศรับรองผลก็ได้
เมื่อถามว่าจะต้องไม่ประกาศรับรอง นายพิธา เป็นส.ส.ก่อนหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังพูดอย่างนั้นไม่ได้ เวลานี้อยู่ที่ว่าเราจะรับคำร้องเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ และถึงแม้ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน ก็ต้องมีการให้ความเป็นธรรมกับ นายพิธา หากกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ หรือ คาดว่าจะไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่มีกระบวนการอะไรต้องมาขวางการประกาศรับรองผล
เมื่อถามต่อว่า นายพิธา ได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัครส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรค จะส่งผลให้ไม่ประกาศรับรองส.ส.พรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า “ไม่ถึงขนาดนั้น”
เมื่อถามว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดให้สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วหาก นายพิธา ถูกชี้ว่าผิด จะส่งผลต่อการได้รับการรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา การให้ความเห็นเบื้องต้นทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่กกต.ต้องพิจารณาร่วมกัน และยังต้องใช้เวลาอีกมาก แต่เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสื่อทั้งหมด ซึ่งการเชิญ นายพิธา มาชี้แจงก็ดำเนินการหลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลกับการที่สังคมกดดัน กกต. ให้เร่งรับรองผลเลือกตั้ง หรือไม่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ นายพิธา เรารับทราบความเห็นของประชาชน แต่เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้
ส่วนที่นายพิธา ระบุหากได้เข้าเป็นนายกฯ จะโละองค์กรอิสระที่ไม่อิสระนั้น ก็เห็นว่าทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น และผลักดันให้เป็นไปตามนั้น เราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ