ทำเนียบขาวแจงยิบ "ทรัมป์" เก็บภาษีตอบโต้ หวังดึงการผลิตกลับสหรัฐฯ

11 เมษายน 2568 ตามเวลาสหรัฐฯ ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผลสำคัญในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทั่วโลกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นมาตรการจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ข้อมูลจากทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯ ประสบปัญหาการขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตัวเลขขาดดุลการค้าพุ่งสูงถึง 131.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเมื่อ 20 ปีก่อนที่ขาดดุล 58.3 พันล้านดอลลาร์

ทำเนียบขาวยังอ้างถึงอดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ พอล โวลเกอร์ ที่เคยระบุว่าการขาดดุลการค้าเป็นสาเหตุหนึ่งของวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ และผลกระทบจากนโยบายการค้าที่ล้มเหลวในอดีตส่งผลให้ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ถดถอยอย่างหนัก โดยเฉพาะในรัฐนิวยอร์กที่การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมลดลงถึง 59% และในรัฐโอไฮโอลดลง 35% นับตั้งแต่ปี 2533

"การสูญเสียงานเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อเศรษฐกิจ แต่ยังนำไปสู่วิกฤตทางสังคม การศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการสูญเสียงานจากข้อตกลงการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับการเพิ่มขึ้นของปัญหายาเสพติดและการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด" แถลงการณ์ระบุ

ทำเนียบขาวยังมองว่านโยบายนี้เป็นประเด็นความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าสำคัญจากต่างประเทศทำให้สหรัฐฯ เปราะบางในยามวิกฤต โดยเฉพาะความสามารถในการผลิตเรือ ยา และสินค้าจำเป็นพื้นฐานอื่นๆ

ความเคลื่อนไหวนี้เริ่มเห็นผลในเชิงบวกแล้ว โดยมีบริษัทจำนวนมากประกาศแผนลงทุนในสหรัฐฯ อาทิ Novartis วางแผนลงทุน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สร้างและขยายโรงงาน 10 แห่ง, Apple ทุ่มงบ 5 แสนล้านดอลลาร์ลงทุนด้านการผลิตและฝึกอบรม, TSMC เตรียมลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์ตั้งโรงงานผลิตชิป และ Hyundai ประกาศลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงสร้างโรงงานเหล็กในรัฐลุยเซียนามูลค่า 5.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสร้างงานเกือบ 1,500 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอีกหลายรายที่กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่นมายังสหรัฐฯ เช่น Nissan, Volkswagen, Volvo, LG และบริษัทผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่าง Cra-Z-Art ที่ประกาศจะย้ายการผลิต "ส่วนใหญ่" จากจีนกลับประเทศ

การเดินหน้านโยบายภาษีนำเข้านี้สะท้อนจุดยืนสำคัญของทรัมป์ในการผลักดันนโยบาย "Make America Wealthy Again" ที่มุ่งฟื้นฟูภาคการผลิตและสร้างงานที่มีค่าตอบแทนสูงในประเทศ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิเคราะห์บางกลุ่มว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศก็ตาม