วันนี้ (16 ส.ค. 66) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์ และพวกรวม 9 คน ยื่นฟ้องขอให้ศาลปกครองสั่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระงับการตัดฟัน โค่นทำลาย หรือ ขุดล้อมไม้ยืนต้น ตลอดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต - สะพานใหม่-คูคต
โดยศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า รฟม. และบริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ ได้ขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ ในการรื้อย้ายต้นไม้ที่กีดขวางการก่อสร้างออก พร้อมชำระค่าเสียหายตามที่หน่วยงานดังกล่าวแจ้งแล้ว
ประกอบกับข้อเท็จจริงปรากฏตามคำชี้แจงของกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 10 เม.ย. 61 และวันที่ 18 พ.ค. 61 ว่าการรื้อย้ายต้นไม้ที่อยู่ในแนวการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ได้แก่พื้นที่เขตจตุจักร เขตสายไหม เขตบางเขน เขตดอนเมือง และพื้นที่ของสำนักสิ่งแวดล้อม มีการขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ พร้อมชำระค่าเสียหาย โดยดำเนินการถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ
จึงถือได้ว่า รฟม.และบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการรื้อย้ายต้นไม้ และหลักเกณฑ์ในการพิจารณาปลูกและคิดค่าเสียหายต้นไม้ ตามคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ 1024/2526 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2526
ส่วนกรณีการตัดต้นไม้ 14 ต้น บริเวณทางเท้าด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ริม ถ.พหลโยธินนั้น ในข้อเท็จจริง ปรากฏตามคำชี้แจงของกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 10 เม.ย. 61 ว่า การตัดต้นไม้ 14 ต้น ในบริเวณดังกล่าว ต้นไม้ส่วนใหญ่ถูกตัดแต่งกิ่ง และทรงพุ่มอย่างหนัก จนเหลือเฉพาะลำต้น หรือ กิ่งใหญ่ 2-3 กิ่งเท่านั้น ทำให้รูปทรงของต้นไม้เสียหาย ทำลายลักษณะรูปทรงเดิมตามธรรมชาติของต้นไม้ ต้องใช้ระยะเวลานานหลายปีกว่าจะแตกพุ่มใบพอให้ร่มเงาได้
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำให้การของ รฟม. ว่าบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฝั่งถ.พหลโยธิน มีแนวสายไฟฟ้าสายสื่อสารอยู่ในระดับต่ำมาก อยู่ติดกับทรงพุ่มของต้นนทรีทั้ง 14 ต้น การขุดล้อมย้ายต้นไม้ดังกล่าวออกจากพื้นที่ ต้องดำเนินการตัดแต่งทรงพุ่ม ตัดริดกิ่งให้ต่ำกว่าระดับของสายไฟ และสายสื่อสารเพื่อไม่ให้กิ่งไม้ไปโดนระบบสาธารณูปโภคดังกล่าวเสียหาย
การตัดริดกิ่งดังกล่าว จึงเป็นการกระทำตามความเหมาะสมกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่แล้ว ถือได้ว่าการรื้อย้ายต้นไม้ของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ดำเนินการถูกต้องตามหลักวิชาการ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรื้อย้ายต้นไม้
แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีต้นไม้บางส่วนตาย แต่สาเหตุการตายยังไม่แน่ชัดว่า เกิดจากสาเหตุใด จึงไม่อาจพิจารณาได้ว่า การที่ต้นไม้ตามคดีพิพาทตาย มีสาเหตุมาจากการรื้อย้ายเท่านั้น
นอกจากนี้รายงาน EIA กำหนดให้ต้องมีการปลูกต้นไม้ทดแทนใต้แนวสายทางโครงการและทางเดินเท้า ภายหลังการก่อสร้างโครงสร้างของสถานีรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ และปลูกต้นไม้ชดเชยบริเวณเกาะกลางถนน ทางเดินเท้า พื้นที่ใกล้เคียงโดยพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกควรเป็นไม้ประเภทไม้ใบ ไม้ดอกทรงพุ่มซึ่งรฟม.กำหนดไว้ในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาสัญญาที่ 1 ให้บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ปลูกต้นไม้ชดเชยตามแบบที่ได้ระบุไว้ในแบบก่อสร้างประกอบด้วย ไม้ยืนต้นจำนวน 801 ต้น ไม้พุ่ม 36,100 ต้น
พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า การดำเนินการเกี่ยวกับต้นไม้ในพื้นที่ก่อสร้างตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ของรฟม.และ บริษัท อิตาเลียนไทยฯ เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้น รฟม. จึงไม่มีหน้าที่ต้องดำเนินการปลูกต้นไม้เพื่อทดแทนตามคำขอ