“จริยธรรมร้ายแรง”เครื่องมือดับนักการเมือง

22 ก.ย. 2566 | 01:30 น.

ย้อน 4 นักการเมืองหญิง หมดนาคตทางการเมือง จากพิษมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง “ปารีณา ไกรคุปต์ - กนกวรรณ วิลาวัลย์ - ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ -พรรณิการ์ วานิช” คดีคาศาลอีก 3 ราย “ฉลอง-ภูมิศิษฐ์-นาที อดีต ส.ส.ภูมิใจไทย

“มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ” ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 และโดยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 วรรคสอง กำหนดให้บังคับใช้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และ คณะรัฐมนตรี ด้วยนั้น 

ขณะนี้ได้มี “นักการเมือง” ถึง 4 คนแล้ว ที่ต้อง “สังเวย” ให้กับมาตรฐานทางจริยธรรม โดย 3 คน ถูกตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต, ห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต และ ตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ส่วนอีก 1 คน ถูกตัดสิทธิสมัครเลือกตั้ง และ ห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต แต่ไม่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 

ที่น่าแปลกใจคือ ผู้ที่ถูกพิพากษาผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ทั้ง 4 คน ล้วนแต่เป็น “นักการเมืองหญิง” ทั้งสิ้น   

“ช่อ”สังเวยจริยธรรม

ผู้ที่ถูก “ศาลฎีกา” พิพากษามีความผิดตามจริยธรรมร้ายแรง รายล่าสุด คือ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่

โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2566 ศาลฎีกาได้พิพากษา ให้ น.ส.พรรณิการ์  มีความผิด กรณีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพาดพิงสถาบัน สมัยก่อนเป็นนักการเมือง ต่อมาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในบัญชีเฟซบุ๊ก ในลักษณะเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปดูได้อย่างต่อเนื่อง

ศาลสั่งถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และ ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต 

คดีนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ร้อง ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัย อันสืบเนื่องจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ น.ส.พรรณิการ์ กรณีโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบัน เป็นพฤติการณ์ หรือ การกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ต่อมา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2565 ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ชี้มูลผิดตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง 

คดี “จริยธรรมร้ายแรง” เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ถือเป็นอันจบ ไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีก

                                     “จริยธรรมร้ายแรง”เครื่องมือดับนักการเมือง

ย้อน 3 รายผิดจริยธรรม

นับตั้งแต่ “มาตรฐานจริยธรรม” บังคับใช้เป็น เมื่อ 30 ม.ค. 2561 มีนักการเมืองถูกศาลฎีกาพิพากษา และคดีสิ้นสุดแล้ว 4 ราย ซึ่งนอกจาก ช่อ-พรรณิการ์ แล้ว ก่อนหน้านี้ 3 นักการเมืองหญิงถูกศาลพิพากษา ได้แก่  

1. ปารีณา ไกรคุปต์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา เมื่อ 7 เม.ย. 2565 ให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีผลนับแต่วันที่ 25 มี.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 

กรณีครอบครองเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.โดยมิชอบ เพื่อทำเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต และ ถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี 

2. กนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ พรรคภูมิใจไทย ถูกศาลฎีกาพิพากษา เมื่อ 23 ก.พ. 2566 กรณีร่วมสนับสนุนออกโฉนดโดยมิชอบ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี   

ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี 

3. ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ศาลมีคำพิพากษา เมื่อ 3 ส.ค. 2566 ในคดีเสียบบัตรแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10

ศาลสั่งพ้น ส.ส.นับแต่วันที่ 11 ส.ค. 2564 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลา 10 ปี

คดีคาศาลฎีกา 3 ราย 

นอกจากนั้น ยังมีคดีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้ว และยังอยู่ในศาลฎีกา อีก 3 ราย กรณีเสียบบัตรแทนกันในการประชุมสภาฯ ประกอบด้วย 

1.นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย

2.นายภูมิศิษฐ์ คงมี อดีตส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย

และ 3. นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย 


+สอบจริยธรรม 2 ราย

ขณะเดียวกัน ยังมีคดีจริยธรรมร้ายแรง ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้แก่ 

1. คดีกล่าวหา นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร เขต 3 พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กรณีถือครองเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ท้องที่ ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี นำที่ดินไปเสนอขายให้กับบุคคลอื่น ทั้งที่เป็นที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของกรมธนารักษ์ ที่ห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย 
 

2. คดีกล่าวหา นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาการทุจริตเงินจำนวน 431 ล้านบาท ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น เมื่อปี 2562 

ทั้งยังมีกรณีออกเอกสารสิทธิในที่ดินโดยมิชอบ อีกหลายสิบราย โดยเป็น ส.ส.อย่างน้อย 6 ราย และ ส.ว. 1 ราย 

กรณีของ  ช่อ-พรรณิการ์ วานิช ที่เสมือนถูก “ประหารชีวิตทางการเมือง” ด้วยพิษมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง คงไม่ใช่นักการเมืองรายสุดท้ายแน่นอน ต้องมีคนได้รับโทษทัณฑ์ทำนองนี้ตามมาอีกแน่... 

+++++

มาตรฐานทางจริยธรรม 

“มาตรฐานทางจริยธรรมฯ” ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 และ ใช้บังคับแก่ ส.ส. ส.ว. และ ครม. ด้วยนั้น 
สาระสำคัญอยู่ที่ หมวดที่ 1-3 ว่าด้วยเรื่องมาตรฐานจริยธรรมที่ต้องปฏิบัติตาม

โดยหมวดที่สำคัญที่สุดคือ "หมวดที่ 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์” ข้อ 5-10 หากใครถูกตัดสินว่าผิด จะเข้าข่ายผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่มีเนื้อหาประกอบด้วย 

ข้อ 5 ต้องยึดมั่น และธำรงไว้ซึ่งการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน 

ข้อ 7 ต้องถือผลประโยขน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน

ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือ มีพฤติกรรมที่รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ  

ข้อ 9 ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือ ยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ 

ข้อ 10 ต้องไม่รับของขวัญของกำนัล ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการรับจากการให้โดยธรรมจรรยา และการรับที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับให้รับไว้