รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ได้เสนอเอกสารลับไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสถานการณ์ความมั่นคงที่อาจจะเกิดผลกระทบจากการพิจารณาคดีสำคัญในเดือนมิถุนายนนี้ จำนวน 3 คดี ได้แก่ คดียุบพรรคก้าวไกล คดีคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี และคดีที่อัยการสูงสุดจะนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งฟ้องต่อศาล เป็นระดับสีเหลือง แจ้งเตือน ให้เฝ้าระวัง
โดยหน่วยงานความมั่นคงได้สรุปข้อมูลจากหน่วยข่าวชี้ให้เห็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มให้เฝ้าระวัง ติดตาม ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งมีแนวโน้มว่า อาจจะมีเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเกิดเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรง และยังไม่มีความเคลื่อนไหวใต้ดินให้เห็นปรากฏเด่นชัด
แหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคงบนตึกไทยคู่ฟ้า ประเมินว่า พรรคก้าวไกลมีแนวโน้มสูงที่จะโดนยุบพรรค ประกอบด้วย สองปัจจัย หนึ่ง คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยไปแล้วว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ฯ ก่อนหน้านี้ และ ปัจจัยที่สอง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2559 มาตรา 4 นิยามคำว่า “ความมั่นคงแห่งชาติ” เกี่ยวกับภัยคุกคามสถาบัน
“ภาวะที่ประเทศปลอดจากภัยคุกคามต่อเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ความปลอดภัยของประชาชน การดำรงชีวิต โดยปกติสุขของประชาชน หรือที่กระทบต่อผลประโยชน์แห่งชาติหรือการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งความพร้อมของประเทศที่จะเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ อันเกิดจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ”พ.ร.บ. สภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2559 มาตรา 4 ระบุ
แหล่งข่าวกล่าวว่า สถาบัน เป็น “เงื่อนไขของความมั่นคงของชาติ” โดยเป็นการแก้ไขให้เพิ่มเติมใน พ.ร.บ. สภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2559 เป็นครั้งแรก หลังการรัฐประหารปี 57 ซึ่งกฤษฎีกาในยุคนั้น คือ นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน มีคำแนะนำว่า ต้องดูคำนิยามของ “ความมั่นคงแห่งชาติ” ให้ชัด ภัยคุกคาม นิยามว่าอย่างไร จึงเป็นที่มาของการใส่นิยามไว้ในเชิงป้องกันไว้ โดยยกระดับขึ้นมา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนคดีทักษิณและคดีเศรษฐา เป็นเรื่องเฉพาะตัว รัฐบาลยังมีความยืดหยุ่นภายใน ถ้าเศรษฐาไป ทักษิณมีปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลยังขยับข้างในได้ ถ้าเศรษฐาหลุด อุ๊งอิ๊งยังไม่พร้อม อาจจะเป็นชัยเกษมเป็นตัวเลือกของพรรคเพื่อไทยที่ยังเป็นไปได้ แต่ตัวนายกฯ ยังไม่ถึงเปลี่ยนตัวข้ามพรรคไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น
“คดีก้าวไกล น่ากังวลและกระทบความมั่นคงมากกว่า เพราะไปโยงสถาบัน ถ้ายุบ อาจจะมีกระแสเกิดขึ้น มีประเด็นเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังไม่ถึงขั้นมีม็อบออกมาจำนวนมาก หรือ ก้าวไกลลงมาเป็นแกนนำม็อบ เพราะอาจจะไม่คุ้ม ออกมาแล้วมีความเสี่ยง มีคดีความตามมา เมื่อต้นทุนสูง จึงหวังผลระยะยาวมากกว่า”แหล่งข่าวระบุ