“บิ๊กโจ๊ก”สู้ตายไล่"ฟ้องดะ"หวังคัมแบ็ก สตช.

29 มิ.ย. 2567 | 09:53 น.

“บิ๊กโจ๊ก”ดิ้นสู้หวังคัมแบ็ก สตช. เข้าไลน์ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ไล่ฟ้องดะ ทั้ง “เศรษฐา ทวีสิน – บิ๊กต่อ - บิ๊กต่าย – บิ๊กเต่า -วินัย ทองสอง -วิชัย สังข์ประไพ” แต่จุดชี้เป็นชี้ตาย “แมวเก้าชีวิต” ในราชการตำรวจ อยู่ที่ ก.พ.ค.ตร. และ ศาลปกครอง

อาการของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นับตั้งแต่ถูก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่ง “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา หลังถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์  

หากจะเปรียบแล้ว เหมือน “สุนัขจนตรอก” ที่ต้องฮึดสู้อย่างสุดชีวิต เพราะไม่มีทางเลือก เราจึงได้เห็นปรากฏการณ์ “บิ๊กโจ๊ก” ไล่ “ฟ้องดะ” กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ร้องป.ป.ช.สอบตร.ทำคดีเว็บพนัน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567  “บิ๊กโจ๊ก” ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเอาผิด ประกอบด้วย

1.ให้สอบสวน นายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157) จากการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ให้เป็น ผบ.ตร. ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการออกคำสั่งส่งตัวเองกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก่อนที่รักษาการ ผบ.ตร. จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 

อย่าไรก็ตาม ในเวลาต่อมา “บิ๊กโจ๊ก”ได้ขอถอนคำร้องสอบสวนนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า มีคนยื่นคำร้องดังกล่าวไว้ที่ ป.ป.ช.แล้ว

2.ให้ตรวจสอบว่าการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์ มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

อุทธรณ์ ก.พ.ค.ตร.

ถัดมา วันที่ 25 เม.ย. 2567 บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกับ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)  ขอให้เพิกถอนคำสั่ง “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” เนื่องจากเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ออกมาคาดว่า ก.พ.ค.ตร. น่าจะใช้เวลาอีก 30 วัน จึงสรุปผลสอบออกมาได้

ฟ้อง“บิ๊กเต่า”คดีหมิ่นประมาท

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ “บิ๊กโจ๊ก” มอบอำนาจให้ทนาย ยื่นฟ้อง บิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ โดยมีการนำข้อมูลสำนวนการสอบสวนของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ไปเปิดเผย 

ล่าสุด วันที่ 24 มิ.ย. 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ “บิ๊กโจ๊ก”เดินทางมาศาลเพื่อพิจารณาคดีนี้ ส่วนจำเลยมีแค่ทนายเดินทางมาศาล โดยทนายฝ่ายจำเลย ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดี โดยอ้างว่า จำเลยติดว่าความที่ศาลอื่น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายความจำเลยติดว่าความในคดีอื่นที่นัดไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับโจทก์ และ ทนายไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้เลื่อนไต่สวนมูลฟ้อง เป็นวันที่ 21 ส.ค. 2567 เวลา 10.00 น. 

ร้องป.ป.ช.สอบฟัน“บิ๊กต่าย” 

วันที่ 24 มิ.ย. 2567 “บิ๊กโจ๊ก” ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบเอาผิด บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.,  ผอ.กองวินัย และ ผอ.สำนักกฎหมาย ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีลงนามคำสั่งให้ตนเอง “ออกจากราชการไว้ก่อน” ไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดย “บิ๊กโจ๊ก” ให้เหตุผลว่า ขอเลือกใช้สิทธิ์ผ่านทาง ป.ป.ช. เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม เพราะบุคคลเหล่านี้กระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ในมาตรา 120 วรรคสี่ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 2 ที่มีมติ 10 ต่อ 0 ว่าการให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน ต้องมีความเห็นจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากการให้ออกราชการไปกระทบสิทธิ์ผู้นั้น แต่รักษาการณ์ ผบ.ตร.กลับใช้อำนาจผิด และผิดพลาด ซึ่งมาจากความเร่งรีบ เพราะมีเจตนาพิเศษให้ตนเองออกจากราชกา

ฟ้อง“พล.ต.อ.วินัย”เรียก 10 ล้าน 

ถัดมาวันที่ 25 มิ.ย. 67 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ “บิ๊กโจ๊ก” ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วินัย ทองสอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กูรูด้านกฎหมาย หนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท 

จากกรณี พล.ต.อ.วินัย ให้สัมภาษณ์ยืนยันข้อเท็จจริงให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเว็บพนันออนไลน์ หลังศาลอนุมัติหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในคดีดังกล่าว

ก.ตร.ยันให้“บิ๊กโจ๊ก”ออกราชการก่อน

26 มิ.ย. 2567 ที่ประชุม ก.ตร. ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติ 12 ต่อ 0 ยืนยันว่า คำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. และเซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมาย

ฟ้อง พล.ต.ต.วิชัย หมิ่นฯ-เรียก 10 ล้าน 

วันที่ 28 มิ.ย. 2567 “บิ๊กโจ๊ก” เดินทางไปศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นฟ้องกูรูด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ยศ “พลตำรวจตรี” ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา  จากกรณีจงใจใส่ความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ประชาชนเข้าใจผิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท 

“บิ๊กโจ๊ก” ให้เหตุผลว่า กูรูท่านนี้ถือเป็นคนที่ 2 ที่ตัวเองฟ้อง และหลังจากนี้จะเดินหน้าฟ้องกูรูอีก 2 คน รวมถึง นายกรัฐมนตรี โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมฝากเตือนกูรู ว่าการจะสัมภาษณ์อะไรโดยไม่รู้กฎหมายที่แท้จริง หากมากระทบสิทธิ ตัวเองก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะกูรูที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งไม่ควรพูดให้สังคมสับสน แต่ควรอยู่ให้เป็นที่เคารพสักการะของเด็กรุ่นใหม่

ต่อมามีรายงานว่า คนที่ถูก “บิ๊กโจ๊ก” ยื่นฟ้องคือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ขณะที่กำลังออกรายการสดในรายการคมชัดลึก ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 และทีมงานได้ต่อสาย “บิ๊กโจ๊ก” ให้พูดคุยทางรายการ ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก”ระบุว่า "ยังรักเคารพ พี่แต้ม แต่ผมก็ต้องฟ้องรักษาสิทธิผม"

พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ไม่หนักใจที่โดนฟ้อง ต้องเข้าใจ บิ๊กโจ๊ก ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ถูกออกหมายจับ ถูกออกจากราชการ ก็ถือว่าหนัก ฉะนั้นใครไปพูดอะไรถึงเขา หรือ พูดอะไรที่ไม่ถูกต้อง เขาก็ต้องฟ้อง แต่ตนไม่ได้พูดกลั่นแกล้ง พูดเรื่องกฎหมายทั้งหมด 

...ในสัปดาห์หน้า “บิ๊กโจ๊ก” เตรียมที่จะไปฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ก.ตร. ทั้งคณะรวม 12 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 

"ก.พ.ค.ตร.-ศาลปกครอง"ชี้ชะตา

ในเชิง “คดีอาญา” ก็ว่ากันไป แต่ในเชิงที่จะทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” ได้คับแบ็กปฏิบัติหน้าที่ รองผบ.ตร. ซึ่งจะทำให้กลับเข้าอยู่ใน “ไลน์” ที่ได้ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร.

และหากผลสอบของ “ก.พ.ค.ตร.” ออกมาเป็น “ผลลบ” ต่อตัว “บิ๊กโจ๊ก” 

หนทางสุดท้ายที่จะเป็นที่พึ่งของ “บิ๊กโจ๊ก” คือ “ศาลปกครอง”

และในท้ายที่สุด หาก “ศาลปกครอง” ตัดสินออกมายัง “ไม่เป็นผลดี” ต่อ “บิ๊กโจ๊ก” อีก

โอกาสที่ “แมวเก้าชีวิต” อย่าง “บิ๊กโจ๊ก” จะ “ปิดฉาก” ในชีวิตราชการตำรวจลง ก็อาจจะมาถึงเลยก็ได้ 

เพราะฉะนั้น “บิ๊กโจ๊ก” จึงต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างหนัก เพราะไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว...