“บิ๊กโจ๊ก”ร่ายยาว“ถูกรุมกินโต๊ะ”จึงต้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

29 มิ.ย. 2567 | 11:35 น.

“บิ๊กโจ๊ก”ร่ายยาวถึงเหตุผลต้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรม “ถูกรุมกินโต๊ะ” ยันไม่ได้นำชาวปักษ์ใต้กดดัน ก.พ.ค.ตร. ฉะนายกฯ “โม้” บอกจะแก้หนี้นอกระบบ ทุกวันนี้คนยังอยากผูกคอตายอยู่เลย

บ่ายวันนี้( 29 มิ.ย.67) บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางไปยังสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อร่วมประชุมกับสมาชิกสมาคมปักษ์ใต้ ร่วมทำกิจกรรมและรับมอบกำลังใจ จากคณะกรรมการและสมาชิกของ สมาคมฯ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณชาวปักษ์ใต้ ที่มีประชาชนมาให้กำลังใจ ตอนแต่งเครื่องแบบไม่เคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้ พอถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กินข้าว หรือ เดินริมฟุตบาท ข้ามแยกไฟแดง ประชาชนที่เห็น ไม่รู้จัก จอดรถเปิดกระจกให้กำลังใจ 

สิ่งนี้จึงเป็นการบ่งบอกว่า ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาจากตอนที่ทำงานอยู่ เป็นการทำงานเพื่อแผ่นดิน เมื่อไหร่ที่ตำรวจทำงาน ประชาชนจะรู้ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ตน

เมื่อถามว่าประชาชนที่มาจะถูกมองว่าเป็นการปลุกระดม หรือจัดตั้งหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการจัดตั้ง เป็นธรรมชาติ ก่อนหน้านี้เคยมีการทำโพลพบว่า ประชาชน 78% เชื่อมั่นว่าตนเองได้กลับ เหล่านี้คือ พลังบริสุทธิ์ 

“นิสัยผมไม่ชอบจัดตั้ง วันนี้การจัดตั้งหรือไม่จัดตั้ง โกหกกันไม่ได้ ไม่ได้ไปจัดตั้ง ไม่ได้ไปจ่ายเงินจ้างให้เขามาแน่นอน ผมไม่ได้เป็นส.ส. ส.ว. ไม่ได้เป็นนักการเมือง”

เมื่อถามอีกว่าจะเป็นการเอามวลชนไปกดดันการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ก.พ.ค.ตร.หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะเอามวลชนไปกดดัน ในโซเชียลประชาชนให้กำลังใจเยอะมาก และตนเองเชื่อมั่นว่า ประวัติศาสตร์ ถ้าตำรวจถูกดำเนินคดี ประชาชนจะสาปแช่ง แต่ตนถูกดำเนินคดี ประชาชนอยากให้กำลังใจอยากให้กลับไปทำงาน 

แม้จะรู้ว่าองค์กรตำรวจต้นทุนต่ำ แต่ตนก็ภูมิใจในตัวเองว่า ได้บังคับใช้กฎหมายให้ประชาชนเกิดความเท่าเทียมกัน ไม่มีอะไรให้ต้องไปจัดตั้ง ปกติการประชุมสมาคมไม่ได้มาร่วม เมื่อวันนี้มีเวลาว่างเยอะ จึงได้เอามาใส่ใจรายละเอียดสมาคมชาวปักษ์ใต้ให้มากขึ้น มาทำสิ่งที่บรรพชนสร้างเอาไว้ และในยุคของตน จะรีโนเวทสมาคมใหม่ทั้งหมด ทำไว้เพื่อลูกหลาน

"การต่อสู้ของผม ไม่ได้เป็นการดึงสมาคมชาวปักษ์ใต้ มาเกี่ยวข้อง เป็นลักษณะนิสัยของคนใต้ที่ไม่ทิ้งกัน รักใครรักจริง ถ้าถูกรังแกก็จะต่อสู้ และเมื่อผมถูกรังแกก็จะต้องต่อสู้ เพราะผมไม่ได้ไปยกมือไหว้ใคร ขอร้องใคร ไม่ได้เอาสมาคมมาเกี่ยว แต่เป็นศักดิ์ศรีของคนใต้ ไม่ใช่ว่า ผมแพ้แล้ว คนใต้จะแพ้ แต่ผมเป็นความหวังของคนใต้ จึงต้องต่อสู้ว่าความยุติธรรมอยู่ที่ไหน คนใต้เป็นนักต่อสู้ จบกฎหมายเยอะ เมื่อผมเป็นลูกชาวใต้ ต้องเดินตามรอยของผู้ใหญ่ และวันนี้คนใต้มีความเข้มแข็ง และรักกัน ไม่ทิ้งกัน" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ภายหลังให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มารับดอกไม้จากพี่น้องชาวปักษ์ใต้ และได้กล่าวพูดช่วงหนึ่งว่า ถูกกระทำโดนรุมกินโต๊ะจีน ไม่ต้องห่วง กำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเอง ถ้าไม่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเองแล้ว ต่อไปจะไปให้ความยุติธรรมกับคนใต้และคนภาคอื่นได้อย่างไร 

“วันนี้เรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อความยุติธรรมมันไม่ได้รับจากระบบ ก็ต้องได้รับจากการต่อสู้ ท่านจะเห็นว่า แป้ง นาโหนด ซึ่งก็เป็นคนใต้บ้านเราที่ต้องหนี มันเกิดจากความยุติธรรม”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า "บางประเทศไม่มีทะเลแต่มีกองทัพเรือ เหมือนกับประเทศไทย ที่ไม่มีความยุติธรรม แต่ก็มีกระทรวงยุติธรรม ต้องเป็นต้นแบบของความยุติธรรม อย่างเช่นที่เคยทำหน้าที่ทุกครั้ง จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นชาวบ้านธรรมดาก็ได้ แต่ต้องถูกต้องและเป็นธรรม หากไม่ถูกต้องก็ต้องต่อสู้ 

นายกรัฐมนตรี บอกว่า จะให้ความเป็นธรรม แต่สิ่งที่นายกฯ พูดแค่ วลี วาทกรรม ถ้าภาษาใต้คือ โม้ ทุกวันนี้ไม่เห็นทำอะไรเลย ที่เคยบอกว่าจะแก้หนี้นอกระบบ ทุกวันนี้คนยังอยากผูกคอตายอยู่เลย วันนี้สิ่งที่เป็นคนต้องการ คือ ความโปร่งใส ฝากถึงชาวใต้ว่า ไม่ต้องกังวลใจ ยืนยันจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมแน่นอน"