กกต.หัวบันไดไม่แห้ง “อดีตผู้สมัคร” จี้ชะลอรับรอง 200 ชื่อสว. ขู่ฟ้องม.157

01 ก.ค. 2567 | 06:14 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ค. 2567 | 06:43 น.

ผู้สมัคร สว.พาเหรด ร้อง กกต. ชะลอรับรอง 200 สว. จี้ตรวจสอบผลคะแนน-ขอให้สั่งเลือกใหม่ หากพบมี“ฮั้ว”จริง บ้างก็ร้องให้สอบคุณสมบัติว่าที่ สว. ขู่ฟ้อง ม. 157 หากประกาศรับรอง 3 ก.ค. โชว์หลักฐานบัตรลงคะแนนหมายเลขตรงโพยเป๊ะ

วันนี้ (1 ก.ค. 67) นายจักรพงษ์ คงปัญญา อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่ม 12 พร้อมตัวแทนอดีตผู้สมัคร สว. เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. คัดค้านการประกาศรับรองสว. 200 คน 

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากที่เลือก สว. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ชื่อ สว.แล้ว แต่กฎหมายให้เว้นไว้ 5 วัน แล้วประกาศรับรอง 200 สว. ฉะนั้น กระบวนการที่ กกต.จัดเลือกตั้งเราไม่ได้ไปกล่าวหาเขา แต่เมื่อผลของการเลือกคนให้ได้ตรงกับอาชีพอย่างสุจริต และเที่ยงธรรมนั้น หา สว. ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายอาชีพกลุ่มนั้นๆ 20 กลุ่มอาชีพ แล้วได้สว.เป็นอย่างไร เราก็คงเห็นตามหน้าสื่อแล้ว 

“แต่นี่เป็นที่ระบบ ซึ่งถ้าเราไม่ช่วยกันติดตามตรวจสอบ ก็จะไม่เกิดผลดี ก็ต้องยอมรับว่าระบบดีอยู่บ้างที่เป็นประชาธิปไตย แม้ว่าจะไม่เต็มใบ แต่ก็ดีกว่ายกเลิกแล้วไปทำอย่างอื่น วันนี้เรามาคัดค้านตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าแพ้แล้วมาหาเรื่อง หรือเป็นขี้แพ้ชวนตี” 

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า คนที่มีความรู้ จบสูงๆ ยังตกตั้งแต่รอบอำเภอ แต่หลายคน คือ ใส่รองเท้าแตะ เสื้อยืด ยังได้เข้าระบบเต็มไปหมด นี่เป็นคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบ การตรวจสอบคุณสมบัติ กกต.ได้ทำอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือยัง และการดำเนินการมีมาตรฐานหรือไม่ ในการรับสมัคร รับรอง และตรวจสอบ 

“มีหลายคนที่มีชื่อเสียงร่วงระนาว ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซึ่งหน้าที่ของ กกต. ต้องตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด ไม่ให้คนที่มีคุณสมบัติผิดเพี้ยน ไม่ถูกต้อง เข้ามาในระบบ เมื่อไม่มีการตรวจ หรือตรวจไม่จริงจัง ก็จะทำให้ได้คนหลายกลุ่มหลายพื้นที่ ไหลเข้ามาสู่ระบบ แล้วมาปนกับคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เมื่อเป็นแบบนี้จึงมีความไม่ยุติธรรมตั้งแต่ต้น”

นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตัวแทนอดีตผู้สมัคร สว. ร่วมตัวเพื่อยื่นเรียกร้องต่อ กกต. คือ 

1.ให้ กกต.หยุดการประกาศชื่อรับรอง 200 ชื่อ ว่าที่สว.เอาไว้ก่อนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนทุกคะแนน ว่าการเลือก สว. ครั้งนี้ มีการเอาเปรียบผู้สมัครคนอื่นหรือไม่ ที่เรียกว่ามีการฮั้วกัน 

2.หากผลการตรวจสอบว่า คะแนนมีมูล หรือ เหตุควรเชื่อว่ามีการฮั้วลงคะแนนให้กัน ให้กกต.ประกาศให้ผลการเลือก สว.ครั้งนี้ เป็นโมฆะ และสั่งให้มีการเลือกสว.ใหม่ทันที 

3.ก่อนการเลือกใหม่ ให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันผู้สมัครใหม่ที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมายจริงทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ 

4.ในวันเลือกใหม่ กกต.จะต้องเข้มงวดไม่ให้ผู้สมัครนำเอกสาร หรือโพย หรือการจด การทำตัวเลขใดๆ บนร่างกายรวมทั้งเครื่องมือสื่อสารใดๆ เข้าสู่สถานที่เลือกโดยเด็ดขาด

5.ให้ กกต.จัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัวหรือ สว.3 ใหม่ แล้วแจกให้ผู้สมัครใหม่ก่อนเข้าช่องรอลงคะแนน โดยไม่ใช่การแจกให้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเลือกเหมือนครั้งนี้ เพื่อป้องกันการจดโพยกัน  

"ถ้า กกต.ดำเนินการตามที่เราเรียกร้องแล้วนั้นผลจะออกมาเป็นอย่างไรขอให้ทุกฝ่ายยอมรับ และเราพร้อมยอมรับ และถือเป็นการสิ้นสุดการลงคะแนนเพื่อให้ สว. 200 คน มาทำงานและให้ประเทศเดินหน้าต่อ  เราไม่ได้มาใส่ร้ายใคร จนกว่าพวกเราจะช่วยกันตรวจสอบ แต่ไม่ใช่ไปตรวจในห้องกัน 2 คน แล้วมาบอกว่าถูกทั้งหมด หรือไปบอกว่าผิดทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่ 

และกระบวนการตรวจสอบ ก็ควรหาผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มาตรวจ เรื่องนี้เป็นเรื่องระเบียบข้อกฎหมาย ที่เราต้องปรับปรุงและพัฒนาต่อไป แต่ระบบดีอยู่แล้ว กกต.ก็ทำงานดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราพบปัญหาเราก็ต้องให้มีการตรวจสอบอย่าเดินหน้าต่อ เพราะท่านติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว คือ อนุญาตให้คนไม่มีคุณสมบัติเข้ามาในระบบ และวันนี้ท่านกำลังจะติดกระดุมเม็ดสุดท่าน คือ การประกาศ 200 ชื่อ สว. แต่ผมเชื่อว่าติดไม่ได้เพราะท่านติดผิดตั้งแต่เม็ดแรกแล้ว"

                               กกต.หัวบันไดไม่แห้ง “อดีตผู้สมัคร” จี้ชะลอรับรอง 200 ชื่อสว. ขู่ฟ้องม.157

ขณะเดียวกัน  กลุ่มผู้สมัคร สว. นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว. กลุ่ม 2 ยื่นหลักฐานต่อ กกต. ที่เกี่ยวข้องกับการบล็อกโหวตการเลือก สว. 

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือต่อกกต. โดยขอให้ทำการตรวจสอบ ว่าที่ สว. 111 คน  และยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกาศรับรองผลผู้ที่ได้เป็น สว. รวมถึงรายชื่อสำรองด้วย เนื่องจากค้นพบความปกติในการลงคะแนนโดยเฉพาะการเลือกไขว้ซึ่งมีลักษณะการลงคะแนนเป็นชุดๆ โดยใบลงคะแนนมีหมายเลขเหมือนๆ กัน 

พล.ต.ท.คำรบ ยกตัวอย่างโดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายการลงคะแนนในช่วงเลือกไขว้ ในสาย ง. โดยพบว่า ผู้สมัครกลุ่มที่ 19 ลงคะแนนให้กลุ่มที่ 2 ที่มีการลงคะแนนให้กับหมายเลขเหมือนๆ กัน จำนวน 4-5 ใบลงคะแนน และเมื่อนำไปเทียบกับโพยที่ตนเก็บได้ พบว่าเบอร์ที่เขาลงคะแนนตรงกับโพยทุกเบอร์

"หลักฐานนี้ชี้ชัดได้ว่า มีการจัดตั้งกลุ่มในการลงคะแนน โดยในวันเลือกรอบไขว้กลุ่มผู้สมัครที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จะจัดกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน และจะเลือกคนในกลุ่ม และยังมีผู้สมัคร สว. ที่ไม่ลงคะแนนในกับตัวเอง แต่ลงคะแนนให้กับผู้ที่เป็นเป้าหมาย" 

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตนยื่นหลักฐานเพื่อขอให้ กกต. ใช้อำนาจในการเปิดกล่องนับคะแนนใหม่ โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจหาพิรุธการลงคะแนนเป็นกลุ่ม ซึ่งผิดปกติวิสัย ขณะนี้หลักฐานคือใบลงคะแนน ที่กกต.เก็บไว้ในกล่องจำนวน 40 กล่อง ถ้าตรวจสอบโดยใช้วิธีนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่งโมง ซึ่งจะทำให้ทราบว่า ใครลงคะแนนให้กับใครบ้าง 

“หากการยื่นหนังสือในวันนี้กกต.ไม่ได้ดำเนินการตามที่ร้องขอ ก็จะยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจทางปกครอง และบังคับให้กกต.ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง และถ้า กกต. ยังดื้อดึงประกาศรับรองผล สว. จะยื่นร้องต่อศาลฎีกาศาลฎีกา และจะร้องตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”

เมื่อถามว่ากกต.ระบุว่าโพยที่พบว่าอาจจะเป็นการทำการบ้านของผู้สมัคร ถ้าไม่มีหลักฐานว่าเอื้อประโยชน์ต่อกัน จะเอาผิดได้หรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การให้ประโยชน์นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เรื่องเงิน แต่ในเรื่องนี้ตนมองว่า เป็นเรื่องของสัญญาว่าจะให้ตำแหน่ง ก็ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์ต่อกันแล้ว 

“อยากให้กกต.ใช้ความกล้าหาญในการนับคะแนนใหม่ โดยเปิดให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบด้วย”
ด้านนายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง ผู้สมัคร สว. กลุ่มการศึกษา 3 กล่าวว่า การมายื่นต่อกกต.ครั้งนี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบในการลงคะแนน เนื่องจากจะเห็นได้ชัดว่า การลงการลงคะแนนนั้นเป็นตัวเลขชุดๆ หมายเลขในใบลงคะแนนเหมือนกันนับ 10 ใบ 

จึงอยากให้ กกต. ตรวจสอบเส้นทางของการลงคะแนนของกลุ่มคนเหล่านี้ เชื่อว่าเกี่ยวกับกลุ่มพรรคการเมือง ขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าผิดจริงหรือไม่ ถ้าผิดจริงถือว่าผิดกติกาในการเลือก 

                        กกต.หัวบันไดไม่แห้ง “อดีตผู้สมัคร” จี้ชะลอรับรอง 200 ชื่อสว. ขู่ฟ้องม.157

ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัตินั้นไม่ได้อยากให้ตรวจสอบเพียงรายคน เพราะตามขั้นตอนกกต.ต้องตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนมาก่อนหน้านี้แล้ว หากอนุญาตให้มาสมัครในระดับอำเภอ ประเทศแต่กลับพบปัญหาในระดับประเทศ ขณะที่กกต.ยังไม่ได้ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน 

"จึงอยากให้ชะลอการประกาศรับรองว่าที่ แล้วกลับไปตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว. รวมถึงบัญชีสำรองอีกครั้ง เพราะเห็นคุณสมบัติแปลกๆ จากผู้สมัครหลายคน ที่มีฉายาว่า เสื้อลาย โปรไฟล์สั้น กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่น่าสงสัย โดยในวันเลือกรอบประเทศกลุ่มนี้ใส่ชุดเหมือนๆกันคือชุดมินเนี่ยน จึงอยากให้กกต.ไปตรวจสอบคุณสมบัติคนเหล่านี้โดยเฉพาะ"

ทั้งนี้ มีผู้สมัครสว.กลุ่ม 9 ให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนว่า ก่อนการลงคะแนนในรอบประเทศ มีผู้สมัครกลุ่ม 19 โทรศัพท์มาหาตน แล้วถามมาให้เป็นโหวตเตอร์ เพื่อทำการลงคะแนนให้ตามหมายเลขที่กำหนดไว้ โดยแสดงเบอร์โทรศัพท์ต่อสื่อมวลชนด้วย