ความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวกรวม 8 คน ตามมติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งมา ในกรณีเปลี่ยนแปลงสำนวนและลดความเร็วรถของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส อยู่วิทยา” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ผู้ต้องหาที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555
ตามที่ สำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด แจ้งมติที่ขอให้ดำเนินคดีอาญา ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข อดีตผบก.พฐ.ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7, นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องบอส
นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9, นายธนิต บัวเขียว ทนายความผู้ถูกกล่าวหาที่ 12, นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 และ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 ซึ่งอัยการสูงสุดได้พิจารณาและดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น
วันนี้(26 ส.ค. 67) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ภายหลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งรับดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567
สำหรับขั้นตอน เมื่อรับดำเนินคดีก็เท่ากับเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยช่วงเช้าวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คนจะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ก่อนจะนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า ทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาแตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นประเด็นแรก คือ การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ
อีกส่วน คือ การดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุด ในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าว ทางป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา
เมื่ออัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้อง อัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง ซึ่งคดีนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน จึงสิ้นสุดขั้นตอนของป.ป.ช. และ เมื่ออัยการสูงสุดฟ้องแล้ว ก็จะเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี
“ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ คาดว่าศาลจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีพอสมควร เพราะจะใช้ระบบในการพิจารณาเป็นระบบไต่สวน โดยทางฝ่ายโจทก์ก็จะนำพยานเข้าสู่ศาล ในการสืบพยานไม่ว่าจะเป็น พยานบุคคล พยานเอกสาร หรือ พยานวัตถุ ส่วนทางจำเลยทั้งหมดก็มีสิทธิ์ต่อสู้ทางคดี ซึ่งการตัดสินว่าจำเลยทั้งหมดมีมีความผิดหรือไม่ จะเป็นดุลยพินิจของศาล เบื้องต้นคาดว่ากระบวนการของศาลจะเสร็จสิ้นในระยะเวลา 1 ปี”
นายวัชรินทร์ กล่าวยืนยันว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหา ทั้ง 8 คน จะมีตำแหน่ง เป็นอดีตข้าราชการ แต่สำนักงานอัยการสูงสุดไม่หนักใจในการทำงาน เพราะผู้ปฏิบัติทุกคนถูกฝึกฝน และสร้างมาให้ไม่หวั่นไหวในการทำคดี เพราะต้องมองว่า ทุกคดีก็เหมือนคดีอาญาทั่วไป ที่จะต้องค้นหาความจริง ทำความจริงให้ปรากฏ และนำสืบให้ชัดเจนตามที่ได้รับผิดชอบตามแต่ละสำนวนคดี