ศาลฎีกาฟัน “สว.สมชาย เล่งหลัก” ถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี คดีทุจริตเลือกตั้งสส.

23 ก.ย. 2567 | 09:57 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2567 | 10:42 น.

ศาลฎีกาฟัน “สว.สมชาย เล่งหลัก” สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี คดีทุจริตเลือกตั้ง ขณะลงสมัคร สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย ด้าน"เจ้าตัว”ขอสู้ต่อในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ กรณีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.หรือไม่

วันนี้(23 ก.ย. 67) ศาลฎีกาออกประกาศแจ้งคำสั่งศาลฎีกา ด้วยคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต สส 4/2567 หมายเลขแดงที่ 338/2567 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง นายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง)

ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา

 

                  ศาลฎีกาฟัน “สว.สมชาย เล่งหลัก” ถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี คดีทุจริตเลือกตั้งสส.

ปัจจุบัน นายสมชาย เล่งหลัก เป็น สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ กลุ่มที่ 19

นายมงคล สุรัจสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ยังไม่ขอให้ความเห็นเรื่องคุณสมบัติสว.ของนายสมชาย ต้องรอคำสั่งศาลอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสมชาย เล่งหลัก ผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายสมชาย เล่งหลัก นายวินัย บัวทอง และ พ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ตามมาตรา 73 (3) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่งของกฎหมายเดียวกัน 

กรณีปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายสมชาย ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลทั้งสองจัดเตรียมเพื่อจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ นายสมชาย ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม

ขณะที่ นายสมชาย เล่งหลัก ให้สัมภาษณ์ว่า ฝ่ายทนายได้แจ้งให้ตนทราบถึงคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวแล้ว  ต่อไปจะต้องชี้แจงและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.หรือไม่ โดยภายหลังจากคัดคำสั่งศาลแล้ว ทางทนายจะดำเนินการต่อให้

 เมื่อถามถึงแนวทางที่จะใช้ต่อสู้คดี นายสมชาย กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กกต.ร้องตนโดยไม่ชอบ วันที่กล่าวหา พยานหลักฐานของกกต. ไม่ได้นำแสดงว่าเป็นของกลาง ทั้งนี้ ตนได้เดินทางไปที่ศาลและจากคำให้การพยานของ กกต. เป็นที่ทราบกันว่ามีลักษณะเหมือนกับจัดฉาก หรือ เป็นคู่แข่งทางการเมือง

"ผมจะต่อสู้คดี ยืนยันว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นด่านสุดท้ายในการสู้คดีนี้ และมีความมั่นใจ 100% เนื่องจากกกต. ฟ้องร้องผมโดยไม่ชอบ" นายสมชาย ระบุ