หลังประสบความสำเร็จจากการเป็นเจ้าของเพจดังอสังหาฯพารวยทายาทบริษัทพัฒนาที่ดินเจ้าของแบรนด์"นิราวิลล์" บวกกับประสบการณ์การทำงานในบริษัทมหาชนชื่อดังและศึกษาต่อด้านปริญญาโทด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งมีหุ้นส่วนกับเพื่อนลงทุนคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง พัฒนาโครงการมาแล้ว มูลค่ารวม 4 ปี 1000 ล้านบาท
ถึงเวลาลงมือช่วยธุรกิจครอบครัว สำหรับ “ แพรรินทร์ เรืองปัญญาวุฒิ (เอิง) ” กรรมการผู้จัดการบริษัท Maximus Estate จำกัด และ บริษัทนิราวิลล์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดได้นำความรู้มาพัฒนาต่อยอดโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ธุรกิจของที่บ้าน แบรนด์ “นิราวิลล์” ชื่อดังย่านจังหวัดสมุทรสาคร
แม้สถานการณ์ยังไม่ปกติ แต่กลับมองเห็นโอกาสที่จะนำพาอสังหาฯลำนี้ ฟันฝ่าคลื่นมรสุมจนถึงฝั่ง ประสบความสำเร็จมาได้ด้วยดีมาตลอด ล่าสุดเตรียมเปิดอีก 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท รวมทั้งขยายธุรกิจสถาบันสอนอสังหาฯ และยังขยายธุรกิจเพิ่มก้าวรุกสู่การเป็นโบรกเกอร์หาแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการฯ และลูกค้าทั่วๆไปในยามวิกฤติ
แพรรินทร์”ระบุว่า ปัจจุบันสวมหมวกหลายใบ ใบแรกคือนักพัฒนาอสังหาฯ ทำโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้ชื่อโครงการ “นิราวิลล์” ใบที่สอง ทำสถาบันสอนอสังหาฯ ใบที่สาม เป็นอาจารย์พิเศษด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และใบที่สี่ ทำธุรกิจ Land For Loan โบรกเกอร์หาแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการฯ
ทั้ง 4 หมวก ถือว่าเชื่อมโยงและต่อยอดกันในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ ที่เธอมีความเชี่ยวชาญพิเศษอยู่แล้ว โดยประสบการณ์ตรงจากการสร้างบ้านขายจนประสบความสำเร็จ ก็สามารถนำมาเป็นเนื้อหาหรือเคสตัวอย่างมาสอน
ในสถาบันสอนอสังหาเอฟด้าและในฐานะอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย ส่วนธุรกิจการเป็นโบรกเกอร์หาแหล่งเงินทุนปล่อยกู้ Land For Loan ก็เกิดจากชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือพร้อมทั้งมีระบบการทำงานชัดเจน
ในส่วนของธุรกิจพัฒนาที่ดินมีแผนที่จะลงทุนเปิดอีก 4 โครงการ เป็นแนวราบรวมกว่า 1,000 ยูนิต คิดมูลค่ากว่า 1,500 ล้าบาท เป็นทาวน์โฮม และบ้านแฝด โดยโครงการแรกจะเริ่มเปิดขายตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป ความคืบหน้าขณะนี้ 2 ใน4 โครงการเริ่มลงเสาเอกแล้ว ส่วนอีก 2 โครงการคาดว่าเริ่มเปิดขายในสิ้นปีหรือต้นปีหน้า (ปี 2566)
“ที่ผ่านมามีโครงการร่วมลงทุนทำโครงการคอนโดมิเนียมกับเพื่อน ซึ่งมีจุดเริ่มจากหุ้นส่วน วรวุฒิ กิตติอุดม ทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่ม อาร์เค กรุ๊ป ชื่อโครงการ “แม็กซี่ ไพร์ม” อยู่แถวพหลโยธิน 34 มีด้วยกันสองตึก โดยตึกแรกประสบความสำเร็จด้วยดี และตึกสองสร้างไปได้ยังไม่ทันสมบูรณ์ ก็มี บริษัท แอสเสทไวท์ มหาชนก็ขอซื้อยกตึกไป 570 ล้านบาท ส่วนแผนการเปิดโครงการต่อไปคงต่อรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่าตลาดคอนโดฯ จะใช้เงินลงทุนมากกว่าแนวราบ”
ส่วนสถานบันสอนอสังหาฯขณะนี้ทางสถาบันสอนไปกว่า 3,000 รายมีวิทยากรที่มาร่วมสอน ทุกคนต่างประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาฯจนเป็นที่ยอมรับ มาช่วยแชร์ประสบการณ์ ในรูปแบบทั้งสอนสดและออนไลน์ โดยมากนักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นนักพัฒนารายย่อยที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่วงการอสังหาฯ
มีทั้งเจ้าของที่ดินที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร หรือนายหน้าที่ต้องการต่อยอดเข้าสู่การเป็นเข้าของโครงการ เป็นต้น บางรายต้องการเรียนรู้ถึงการพัฒนาจัดสรรที่ดิน ซึ่งจะต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะจึงมาเรียนโดยตรง เพื่อให้ได้ความรู้และได้คอนเนคชั่น เพื่อน ๆ ที่มาเรียนที่สถาบันด้วย
อีกธุรกิจที่เปิดประมาณ 7 เดือน คือ Land For Loan หลักการคือช่วงโควิด-19 มองว่าอะไรคือโอกาสในวิกฤต คงไม่มีธุรกิจอะไรที่เป็นดาวรุ่งไปตลอด จึงมองหาอีกธุรกิจหนึ่งมาเพิ่ม แต่ต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักที่ทำอยู่ จึงมองว่าธุรกิจปล่อยกู้หรือหาสินเชื่อให้กับรายย่อยที่ต้องการเงินด่วนหรือโครงการพัฒนาสังหาฯ
ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนนี้ได้ น่าจะตอบโจทย์ในช่วงสถานการณ์นี้ เป็นในลักษณะโฉนดแลกเงิน ซึ่งทาง Land for Loan จะดำเนินการในส่วนทั้งเป็นฝั่งทุนและฝั่ง Broker ให้นักลุงทุนมาร่วมลงทุน เป็นต้น
“ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีลูกหนี้ทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก เข้ามาใช้บริการ ทั้งระดับหลักแสน หรือรายใหญ่ระดับ 200 ล้าน ทั้งโรงแรม อพาร์ทเมนท์ หอพัก รวมถึงกลุ่มทั่วไปที่ขาดสภาพคล่อง อีกกลุ่มคือต้องการขยายธุรกิจ
ส่วนอีกกลุ่มคือ กลุ่มพัฒนาที่ดิน เช่น ที่ดินที่ต้องการนำมาพัฒนา ปัจจุบัน Land For Loan ปิดยอดไปแล้ว 350 ล้าน สำหรับปีหน้า ตั้งเป้าการเติบโต ปีหน้าไว้ที่ 1,000 ล้าน”
“แพรรินทร์” มองว่า ความน่าเชื่อถือของแหล่งเงินทุนมีความสำคัญต่อลูกค้า ลูกหนี้ เพราะต้องการหานายหน้าที่เชื่อถือได้ เราเองก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย รู้ว่านายทุนคิดอะไร ต้องการอะไร หรือบางเคสหากนายทุนไม่รับ แต่หากทาง Land for Loan มองว่าพอเป็นไปได้ ทางเราก็รับทรัพย์มาปล่อยกู้ได้เอง
ด้านของการทำสถาบันสอนอสังหาเอฟด้า ในช่วง 1 ปี 4 เดือน ซึ่งคือธุรกิจโรงเรียน พยายามทำให้เป็นสถาบันที่ครบวงจรเรื่องอสังหาริมทรัพย์ สอนโดยผู้ประกอบการตัวจริง เคสจริง ภาพปฏิบัติควบคู่กับภาคทฤษฎี
เรื่องหลัก ๆ เช่น สร้างบ้านขายในมุมนักพัฒนาอสังหา ซึ่งมีความจำเป็นต้องวิเคราะห์ทำเลที่ดิน เจ้าของที่ดิน กลุ่มลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจมาเรียนบินตรงมาเรียนกับสถาบันเราครอบคลุมแล้วกว่า 50 จังหวัด
โดยอนาคตตั้งเป้าไว้ว่าจะนำธุรกิจ Land For Loan เข้าตลาดหลักทรัพย์ ส่วนธุรกิจอสังหาฯ จะไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเปิดสถาบันสอนอสังหาทำให้ ดูย้อนแย้งในแง่ผลประโยชน์
ทั้งหมดคือสูตรความสำเร็จในแบบฉบับของ “ แพรรินทร์ เรืองปัญญาวุฒิ(เอิง)” ที่ไม่มีในตำราอสังหาฯทั่ว ๆ ไป