ไนท์แฟรงค์ ชี้ ตลาดวิลล่า-คอนโดฯ ภูเก็ต ซบ

25 ม.ค. 2563 | 05:11 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ม.ค. 2563 | 12:47 น.

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย เผยแนวโน้มตลาดวิลล่าและตลาดคอนโดฯ ในภูเก็ต ซบ โครงการใหม่เกิดน้อยลง ต่างชาติชะลอการขาย ปรับแนวคิดการทำตลาด เหตุค่าเงินบาทแข็งตัว

นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการบริหาร บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัด กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตระดับไฮเอนด์ในปี 2562 ค่อนข้างชบเซา และมีการพัฒนาโครงการน้อยลง ทั้งในตลาดคอนโดฯ และตลาดวิลล่า เนื่องจากนักพัฒนาอสังหาฯ เฝ้าดูสถานการณ์ของตลาด 

ไนท์แฟรงค์ ชี้ ตลาดวิลล่า-คอนโดฯ ภูเก็ต ซบ

นอกจากนี้ จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของอสังหาฯ ระดับหรู ที่ต้องการขายทรัพย์สิน ต้องปรับตัวตามทิศทางตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยคิดอย่างรอบคอบมากขึ้น และรออัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าที่จะขายได้ และบางรายปรับตัว โดยการปล่อยเช่าบ้านพักตากอากาศของตนในตลาดวิลล่าระดับมิดเอ็นด์และไฮเอ็นด์

แม้ว่าตลาดจะชะลอตัวลง ตลาดวิลล่าในระดับราคาช่วงต้นและกลางที่มีขนาดตั้งแต่ 2 – 3 ห้องนอนในช่วงราคา 10 - 19 ล้านบาท มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด ซึ่งเป็นทรัพย์สิน เพื่อการลงทุนที่รับประกันผลตอบแทนค่าเช่า โดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นชาวจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, และยุโรปที่อาศัยอยู่ในเอเชียแปซิฟิก

ส่วนของตลาดคอนโดฯ พบว่าคอนโดฯเพื่อการลงทุนในระดับมิดเอ็นด์ที่บริหารโดยเครือโรงแรมที่มีชื่อเสียงนั้นมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างมาก ในด้านตลาดคอนโดฯเพื่อการลงทุนช่วงต้นที่มีราคาอยู่ที่ 3 - 7 ล้านบาทต่อยูนิต หรือ 90,000 - 120,000 บาทต่อตารางเมตร มีการเติบโตสูงขึ้นในปีนี้ กลุ่มตลาดนี้ไม่มีกระทบมากนักเนื่องจากมีราคาที่ไม่สูง นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีเพิ่มขึ้นทุกๆปี ทำให้เกิดโครงการคอนโดเทล (Condotel) ใหม่หลายแห่งเริ่มทยอยเปิดตัวในช่วง 2 – 3 ปีนี้ ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่มีศักยภาพได้ว่าภูเก็ตยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุดเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน
 

อย่างไรก็ตาม หลายโครงการคอนโดฯ ที่ร่วมทุนกันระหว่างนักลงทุนไทยและจีนที่เปิดตัวในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมากระตุ้นและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อชาวจีน โดยคิดเป็น 30-50% ของยอดขายรวม
     
ในปี 2563 คาดว่าตลาดวิลล่าระดับราคาช่วงต้นถึงกลางและตลาดคอนโดฯ ระดับราคาช่วงต้นจะเติบโตขึ้นประมาณ 10 - 15% เทียบปีต่อปี และ 15 - 20% เทียบปีต่อปีตามลำดับ อีกทั้งในปีหน้านี้จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักพัฒนาอสังหาฯ ในการทำความเข้าใจตลาดและสิ่งที่ผู้ซื้อต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง ราคาขาย รูปแบบโครงการ และผู้บริหารโครงการ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ