นาย ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้นภายใต้นโยบายเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและผู้บริโภค
รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณการฟื้นตัว นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อัตราการเข้าพักภาพรวม (Occupancy rate) ของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อยู่ที่ประมาณ 50% - 55% ในขณะที่โรงแรมอยู่ที่ประมาณ 27% ซึ่งอัตราการเข้าพักของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์สูงกว่าโรงแรมเนื่องมาจากดีมานด์ของการเข้าพักแบบ Long stay ยังคงมีอยู่จากกลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งต่างจากโรงแรมที่เน้นการเข้าพักแบบ Short stay จากกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว
ทำให้วิกฤตการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ไม่มากนักถ้าเทียบกับธุรกิจโรงแรม ทำให้อนันดาฯ ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวด้วยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 5 โครงการ รวม 1,809 ยูนิต มูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรกลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง ได้แก่
ทั้งนี้ เพื่อสร้างรายได้ประจำ และรองรับดีมานด์ชาวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ซึ่งมีความจำเป็นต้องการเช่าที่อยู่อาศัย ทำให้เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ
“ในปี 2565 อนันดาฯ จะมีโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ หลายเซกเม้นท์และหลายทำเล เพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยวที่กำลังรีบาวด์ (Rebound) กลับมา โดยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์จะสามารถเปิดดำเนินการได้ทั้ง 5 โครงการ และจะเริ่มรับรู้รายได้ในลำดับต่อไป คาดว่าจะมีรายได้ประจำ (Recurring Income) กว่า 20% โดยจะสามารถบันทึกเป็นรายได้ภายใน 5 ปี ซึ่งอนันดาฯ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด หรือ “แอสคอทท์” เป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งทางด้านเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับโลกที่มีระบบ CRM ให้บริการลูกค้ามีฐานลูกค้ากว่า 1.2 แสนยูนิต ที่แอสคอทท์บริหารอยู่กว่า 200 เมือง ใน 30 ประเทศทั่วโลก”
สำหรับตลาด “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” เป็นตลาดที่น่าสนใจ นอกจากจะมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่สูงแตกต่างจากโรงแรมแล้ว เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ยังมีบริการที่ครบครัน สะดวกสบาย ในรูปแบบโรงแรมแต่จ่ายน้อยกว่า และขนาดห้องที่ใหญ่กว่าสามารถพักอาศัยได้ทั้งครอบครัว แต่มีราคาเช่าต่อเดือนที่อาจจะสูงกว่าคอนโดมิเนียม แต่ไม่แพงเท่ากับโรงแรม ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า Long stay ได้เป็นอย่างดี โดยทำเลที่เป็นที่นิยมในการเข้าพัก อาทิ ทำเลทองหล่อ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น เกาหลี หรือจะเป็นย่านสาทรก็เช่นเดียวกันก็มีหลากหลายบริษัทที่มีสำนักงานในย่านสาทร และกระจายไปย่านสีลมอีกด้วย ซึ่งมีดีมานด์ค่อนข้างมากกระจายอยู่ทั่วเมือง ส่งผลให้ความต้องการเข้าพักยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับแผนการขยายธุรกิจใหม่ “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” (Serviced Apartments) มองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่บริษัท ซึ่งบริษัทพร้อมพิจารณาขยายธุรกิจนี้ให้ใหญ่ขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย เพราะไม่ว่าอย่างไรประเทศไทยก็ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี ทำให้ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ (Serviced Apartments) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดให้บริการทั้ง 5 โครงการ”