กรมธนารักษ์เตรียมประกาศราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ เริ่มบังคับใช้ วันที่1 มกราคม ปี 2566 โดย มีอายุบังคับใช้ ตั้งแต่ปี2566-2569 หลังเลื่อนมาตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ตั้งแต่ปี 2563ถึงปี2565
สำหรับทำเลที่ยังครองแชมป์ คือสยามสแควร์ราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 1,000,000บาทต่อตารางวา เมื่อเทียบราคาตลาดแล้ววิ่งไปที่ 3,500,000บาทต่อตารางวา ขณะโซนสำคัญอย่างพื้นที่เขตเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความเคลื่อนไหวเช่นกันเนื่องจากมีกลุ่มนักลงทุนเข้าพื้นที่อีกทั้งภาครัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
โดยพบว่าจังหวัดชลบุรี มีความเคลื่อนไหวราคาที่ดินมากที่สุด โดยเฉพาะทำเลถนนเลียบชายหาดพัทยาอำเภอบางละมุง ยังครองแชมป์ราคาประเมินที่ดินสูงที่สุดอยู่ที่ 220,000 บาทต่อตารางวา ขณะราคาประเมินต่ำสุดเป็นที่ดินตาบอด ราคาตารางวาละ 250บาท ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนัสนิคม ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาซื้อขายตลาดยังห่างกันมาก
สาเหตุที่ราคาประเมินที่ดิน ในจังหวัดชลบุรี ปรับสูง เนื่องจาก เป็นจังหวัดอันดับสองรองจากกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบแนวสูง ต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวและ เขตอุตสาหกรรมระดับโลก ขณะเดียวกันยังพบว่าช่วยการระบาดโควิดมีการซื้อขายเปลี่ยนมือโรงแรมหลายแห่ง
และการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินของนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในพื้นที่และจากส่วนกลาง ทำให้ ชลบุรี มีราคาประเมินที่ปรับขึ้น มากถึง 42.83% เมื่อเทียบกับบัญชีราคาประเมินรอบก่อน และสูงถึง 5เท่าเมื่อเทียบกับการปรับราคาขึ้นของทั้งประเทศที่เฉลี่ย8%ขณะพื้นที่ มี 4,363 ตารางกิโลเมตร ที่ดินจำนวน 866,111 แปลง
รองลงมาคือจังหวัด ระยอง พื้นที่3,552 ตารางกิโลเมตร ที่ดินจำนวน 403,547 แปลง ราคาประเมิน ปรับสูงที่สุดอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 เขต อำเภอเมืองระยองราคาอยู่ที่ 100,000 บาทต่อตารางวา และราคาต่ำสุด เป็นที่ดินตาบอดที่เขาชะเมา อยู่ที่100บาทต่อตารางวา
ส่วน ฉะเชิงเทรา ราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ ถนนมหาจักรพรรดิ อำเภอเมืองแปดริ้ว ตารางวาละ 50,000 บาท ราคาที่ดินประเมินต่ำที่สุดเป็นที่ดินตาบอดอยู่ที่ สนามชัยเขต-ท่าตะเกียบราคา 100 บาทต่อตารางวา มีพื้นที่รวม5,351 ตารางกิโลเมตร ที่ดิน 336,761 แปลง
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในเขตอีอีซีเมื่อรวมทั้ง3จังหวัด เข้าด้วยกันได้แก่ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา จะมีพื้นที่มากถึง 13,266 ตารางกิโลเมตร 1,606,419 แปลง ที่จะสร้างมูลค่าให้กับพื้นที่อย่างมหาศาล เมื่อรัฐบาลใช้อีอีซีเป็นหัวหอกสำคัญ ในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างเต็มรูปแบบนับจากฟื้นไข้