การเปิดใช้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ( ลาดพร้าว-สำโรง)มีความชัดเจนว่า เดือนมกราคม ปีหน้า (2566) จะเปิดให้บริการค่าโดยสาร เริ่มต้นตั้งแต่15-45บาท ระยะทาง 30.40 กิโลเมตร 23 สถานี ข้อดีนอกจาก ช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ พลังงาน น้ำมันเชื้อเพลิง มลพิษทางอากาศ ฝุ่นPM 2.5 การเดินทาง แก้ปัญหารถติดแล้ว
ยังเกิดทำเลศักยภาพใหม่น่าลงทุน สำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุนรายย่อยซื้อคอนโดมิเนียม ลงทุน ปล่อยเช่าระยะยาว รวมไปถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ที่ทำให้มูลค่าสูงขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนจะเป็นทำเลไหนนั้นตามไปดูพร้อมกัน ด้วยศักยภาพรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีจุดตัด หรือ จุดเชื่อมต่อเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง หลายแห่ง ส่งผลให้เกิดทำเลทองของโครงการที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียมใกล้สถานี อีกทั้งการปรับโฉมอาคารเก่าเป็นย่านพาณิชยกรรมขนาดย่อม จุดแวะพักก่อนกลับบ้านหรือเดินทางต่อ
ทำเลและสถานีที่น่าสนใจได้แก่
ปัจจุบันเป็นเส้นทางสายหลักมีผู้โดยสารจำนวนมากสามารถป้อนผู้โยสารให้เปลี่ยนถ่ายไปมาระหว่างกันได้ เพราะอยู่ในการกำกับดูแลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ปัจจุบัน ราคาที่ดิน ไม่ต่ำกว่า 1ล้านบาทต่อตารางวา ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นพื้นที่สีน้ำตาล (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก)
ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ โรงแรม เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย (หากเกิดขึ้นจริง) ที่จะวิ่งไปตามเกาะกลางของถนนรัชดาฯไปเชื่อมต่อ กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริเวณพหลโยธิน ปัจจุบันยังมีพื้นที่รอพัฒนา
ทำเลแห่งอนาคตที่น่าจับตา ราคาที่ดินวิ่งไปไกล เนื่องจากด้านในเป็นชุมชนขนาดใหญ่และเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้น ราคาไม่เกิน2ล้านบาท ต่อหน่วย การเดินทางเข้าเมืองสะดวก
เมื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเส้นทางสายหลักอย่างMRT สีน้ำเงิน BTS สายสีเขียว ปัจจุบันมีการปรับโฉมพื้นที่กันมากทั้งการเปลี่ยนมือส่วนโซนด้านหน้าของตลาดโชคชัย4 อนาคตจะเป็นทำเลทองอยู่อาศัย ย่านพาณิชยกรรม ที่มีมูลค่าสูงต่อเนื่อง
ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการให้ความสนใจ ขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่อย่าง ค่ายออริจิ้น และที่ดินแปลงใกล้เคียงที่ประกาศเปิดตัวเป็นคอนโดมิเนียม ส่วนด้านในจะเป็นบ้านแนวราบพลีเมียม รูปแบบทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ โฮมออฟฟิศ
นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายประกาศขายที่ดินเป็นระยะ โดยสถานีจะอยู่เยื้องกับ แม็คโคร บางกะปิ ปัจจุบันมีการปรับโฉมรองรับการมาของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รวมถึงศูนย์การค้าใกล้เคียง
ทำเลน่าจับตามากที่สุด เนื่องจากอนาคตเป็นสถานีร่วมเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง ขนาดใหญ่ ทั้งสายสีเหลือสายสีส้ม และสายสีน้ำตาล ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการชิงความได้ เปรียบขึ้นโครงการ ตั้งแต่ราคาที่ดินยังไม่สูงมาก
หากรถไฟฟ้าเปิดให้บริการมองว่าคุ้มค่า รวมถึงผู้ซื้อในรายแรกๆที่สามารถปรับราคาขายได้ ราคาที่ขายเฉลี่ย 1ล้านปลายถึง กว่า2ล้านบาท ต่อหน่วย การเดินทางเข้าออกเมืองสะดวก และกำหนดเวลาได้
ทำเลศักยภาพโซนตะวันออกกทม.ที่ปัจจุบันมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดให้บริการโดยเฉพาะหัวหมายพัฒนาการ เป้นจุดตัดรถไฟฟ้า สายสีเหลืองกับ รถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิงก์ ที่ส่งผ่านผู้โดยสารระหว่างกัน ราคาที่ดินวิ่งไปที่ 1-2แสนบาทต่อตารางวา
เนื่องจากก่อนหน้านี้มีถนนทรงอิทธิพลกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ทำให้ ด้านใน มีบ้านหรูแบรนด์ดัง เกิดขึ้นด้านในจำนวนมาก และเมื่อมีรถไฟฟ้ายิ่งช่วยอัพเกรดราคาที่ดินมูลค่าที่อยู่อาศัยให้สูงขึ้น
ปัจจุบันรัศมีรอบสถานีกลายเป็นศูนย์รวมโชว์รูมรถแบรนด์ชั้นนำ ย่านพาณิชยกรรมขนาดย่อม อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ สถานีบริการน้ำมัน ห้างค้าปลีก เฟอร์นิเจอร์ ที่น่าสนใจ ด้านในมีโครงการคอนโดมิเนียม บ้านแนวราบ และโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา เกิดขึ้นอยู่มาก
อีกทำเลที่น่าสนใจเนื่องจากเป็นสถานีปลายทางจุดตัดรถไฟฟ้าสองสายระหว่างสายสีเหลืองกับสายสีเขียวแม่เหล็กสำคัญปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นรายรอบทำเลนี้ช่วงรองรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่สูงเพื่อเดินทางกทม.ใจกลางเมืองหรือทำงานในแถบสมุทรปราการ
ขณะ DDproperty รวบรวมทำเลน่าลงทุนรายเขต ดังนี้
เขตจตุจักร เป็นทำเลที่เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้หลายสาย รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปป้ิง และสวนสาธารณะขนาดใหญ่มีราคากลาง(ราคาประเมิน) เฉลี่ยอยู่ที่ 108,000 บาท/ตารางเมตร แม้ว่าดัชนีราคาจะลดลง 2% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และลดลง 5% จากปีก่อนหน้า (YoY)
หากพิจารณาควบคู่กับความต้องการซื้อและความต้องการเช่าจะพบว่าความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 26% จากเดือนก่อนหน้า (MoM) และความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นถึง 53% MoMแสดงให้เห็นว่า หากซื้อเพื่ออยู่เองหรือซื้อเพื่อลงทุนขายต่อ หรือปล่อยเช่าในช่วงนี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากระดับราคาลดลง สวนทางกับความต้องการซื้อ-เช่าของผู้บริโภค
เขตวังทองหลาง เป็นอีกหนึ่งทำเลแหล่งงานที่สำคัญของกรุงเทพฯ ครอบคลุมทั้งย่านรัชดาภิเษก ลาดพร้าว ประดิษฐ์มนูธรรม หากพิจารณาเฉพาะทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เขตวังทองหลางจะครอบคลุมย่านโชคชัย 4, ลาดพร้าว-วังหิน และทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เหมาะกับการอยู่อาศัย
มีราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 57,000 บาท/ตารางเมตร ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 2% QoQ และเพิ่มขึ้น 14% YoY เหมาะกับผู้ที่มีสินค้าอยู่ในมือสามารถปล่อยขายสร้างกำไรได้ด้านความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น 2% MoM และความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นถึง 38% MoM เนื่องจากเป็นทำเลที่มีชุมชนขนาดใหญ่จึงมีความต้องการซื้อ-เช่า เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เขตบางกะปิ แหล่งชุมชนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่มีทั้งรูปแบบวิถีชีวิตดั้งเดิม และสมัยใหม่ รายล้อมไปด้วยตลาด ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และแหล่งงาน มีตัวเลือกการเดินทางที่หลากหลาย ซึ่งรถไฟฟ้าจะเข้ามาทำให้ทำเลนี้ครบทั้งรถ ราง เรือมีราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 67,000 บาท/ตารางเมตร คงที่จากไตรมาสก่อน และลดลง 2% YoY
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อไว้อยู่อาศัยเองและลงทุนในอนาคต เนื่องจากระดับราคาในปัจจุบันยังไม่ขึ้นสูงมากนัก และคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นหลังจากรถไฟฟ้าเปิดให้ใช้บริการสอดคล้องกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น 19% MoM และความต้องการเช่าที่เพิ่มขึ้น 28% MoM แสดงให้เห็นถึงความต้องการซื้อ-เช่าที่ยังคงมีอยู่ในทำเลนี้
เขตประเวศเป็นทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ครบเครื่องเหมาะกับการอยู่อาศัย จุดเด่นคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อย่างสวนหลวง ร.9 ห้างสรรพสินค้า และตลาดขนาดใหญ่ รองรับความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบคอนโด และแนวราบ
มีราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 44,000 บาท/ตารางเมตร ลดลง 2% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 2% YoY เนื่องจากเป็นทำเลที่มีสินค้าประเภทแนวราบจำนวนมาก ราคาจึงมีการปรับขึ้นสอดคล้องกับความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ด้านความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น 6% MoM และความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น 14% MoM
เขตบางนา เป็นหนึ่งในเขตกรุงเทพตะวันออกที่เชื่อมต่อกับจังหวัดสมุทรปราการ ปัจจุบันมีโครงการให้เลือกหลายรูปแบบทั้งแนวราบและแนวสูง มีการพัฒนาหลาย ๆ ด้านทั้งของภาครัฐและเอกชน เช่น รถไฟฟ้าสายสีเงิน บางนา-สุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ในแผนของกรุงเทพมหานคร หรือแบงค็อกมอลล์ มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ของเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป
มีราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 บาท/ตารางเมตร ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 1% QoQ และเพิ่มขึ้น 4% YoY เช่นเดียวกับทำเลประเวศที่มีสินค้าประเภทแนวราบจำนวนมากราคาจึงมีการปรับขึ้น ด้านความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น 8% MoM และความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น 13% MoM ถือเป็นทำเลแหล่งงาน แหล่งอยู่อาศัยที่ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง