ปมคนไทยถือครองที่ดินแทนคนต่างชาติ กลายเป็นปัญหาหมักหมม และซุกอยู่ใต้พรมมานาน เมื่อเกิดเรื่องกระฉ่อนแต่ละครั้ง การกวาดล้างจะกระหึ่มขึ้น เช่นเดียวกับ กลุ่มนักธุรกิจคนจีนสีเทา ซึ่งมีคดีเชื่อมโยง “ตู้ห่าว” ที่กรมที่ดินกระทรวงมหาดไทย และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
มีนโยบายจับมือกัน กวาดล้างกระบวนการลักษณะดังกล่าวให้หมดสิ้นไป แต่ทั้งนี้ หลายฝ่ายประเมินว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจาก อาจมีกลุ่มอิทธิพลอยู่เบื้องหลังรวมถึงคนไทยบางกลุ่ม คอยให้ความช่วยเหลือ เป็นนอมินีถือหุ้นแทน
สะท้อนจากหลักฐานทางประวัติส่วนตัว ฐานะความเป็นอยู่ คำบอกเล่าของพยานแวดล้อม ตลอดจนแหล่งที่มาของรายได้ ชวนให้สงสัย ซึ่งตามข้อเท็จจริงบุคคลดังกล่าวอาจรับจ้างเป็นนอมินี แต่ตามตัวบทกฎหมาย
หากสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ของคนต่างชาติไม่เกินตามที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กำหนดคนไทย 51 :ต่างชาติ 49 ถือว่า เป็นบริษัทสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์
จี้รัฐกวาดล้างจริงจัง
นายอธิป พีชานนท์ กูรู ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแก้ปัญหานอมินี ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากรัฐไม่ให้ความร่วมมือ ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น
ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจ กับ เจ้าพนักงานจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และนิติกรรมว่าในการตรวจสอบ ต้องให้เป็นไปตามกลไก เพราะตามข้อเท็จจริงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐน่าจะพึงทราบ ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่รัฐ ทำงานแบบตรงไปตรงมา ปัญหานิมินีจะไม่เกิดขึ้น
ในทางกลับกัน กรณีต่างชาติ เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย แบบถูกกฎหมาย แก้ปัญหาการหลบเลี่ยง ลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจประเทศ คือการเช่า หากรัฐให้การสนับสนุน ทำสัญญาเช่าให้ยาวขึ้น เพื่อความคุ้มค่าการลงทุน จาก 30 ปีเป็น 60 ปี 90 ปี ปัญหาเรื่องการซื้อที่ดินเพื่อทำธุรกิจของคนต่างชาติ โดยใช้นอมินีคนไทย น่าจะหมดไป
“ถ้าเปลี่ยนเป็นให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ จะถูกโจมตี ว่าขายชาติ ดังนั้นการให้เช่าระยะยาวเป็นแนวทางแก้ปัญหา แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกำกับดูแลให้ดี”
ปลดล็อกซื้อบ้าน-ที่ดิน
สอดคล้องกับนายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผยว่า กรณี “ตู้ห่าว” ทุนจีนสีเทา ถือครองอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยใช้นอมินี ซึ่งต่างชาติที่เข้ามาในลักษณะนี้ เกิดมาหลายปี นับตั้งแต่มาเฟีย ชาวรัฐเชีย, เยอรมันฯลฯ ที่เมืองพัทยาซึ่งเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชลบุรี และปัจจุบันยังมีเกิดขึ้น ดังนั้นสำหรับทางออก สมาคมฯเสนอว่ารัฐควรแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครอง
จากที่กระทำอยู่ใต้โต๊ะให้ถูกกฎหมาย โดยสนับสนุนให้ต่างชาติถือครองอสังหาฯประเภทบ้านและที่ดินได้ แต่มีขอบเขตจำกัด ต้องซื้อบ้านในโครงการจัดสรร พัฒนาภายใต้กรอบพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ซึ่งจะทำให้รัฐทราบข้อมูลความเคลื่อนไหว ที่แน่ชัดของคนต่างชาติและที่สำคัญจะมีรายได้จากการเก็บภาษีเข้าประเทศ รวมถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย
“มองว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ซึ่งปีหน้า (2566) คนจีนจะกลับเข้ามามาเที่ยวในไทยมากขึ้น และแน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ยังให้ความสนใจซื้อบ้านแนวราบ นอกจากห้องชุด หากเปิดช่อง นำปัญหาที่ซุกใต้พรมขึ้นมาวางบนโต๊ะแบบถูกกฎหมายช่วยให้รายได้เข้าประเทศมากขึ้น”
จีน (ไม่) เทาผวา
อย่างไรก็ตามคดีตู้ห่าวและการกวาดล้างทุนจีนสีเทา ครั้งนี้ นายมีศักดิ์ อธิบายว่า อาจส่งผลกระทบต่อคนจีน (ไม่) เทาไม่กล้า ซื้อที่อยู่อาศัย ในลักษณะบ้านแนวราบ เพราะเกรงการตามไล่ล่าตรวจจับการได้มา ซึ่งอสังหาฯไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าต่างชาติ ซื้อบ้านในโครงการจัดสรรระดับบน ทุกแบรนด์ดัง เฉลี่ยโครงการละกว่า 20-30% ราคาตั้งแต่ 50 ล้านบาทต่อหน่วยขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคนจีน แต่มีทั้งคนประเทศในแถบยุโรป อเมริกา ฯลฯ โดยซื้อในรูปของนิติบุคคล และในนามบุคคล
ต่อเรื่องนี้ สมาคมฯ ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มทางเลือกคนต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยไทย แบบถูกกฎหมายโดยปีหน้า (ปี 2566) จะเสนอมาตรการดังกล่าว ต่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่จะเสนอมาตราการในลักษณะเดียวกัน
สำหรับราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านจัดสรร ตามพ.ร.บ. การจัดสรรที่ดิน ของคนต่างชาติ ที่จะเสนอ ได้แก่ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เนื้อที่ไม่เกิน 50 ตารางวา ราคาไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ขณะที่ต่างจังหวัด ราคาไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท เนื้อที่ไม่เกิน 100 ตารางวา ราคาไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
ต่างจังหวัด ราคาไม่น้อยกว่า 8 ล้านบาท เนื้อที่ไม่เกิน 200 ตารางวา กทม.ปริมณฑลไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่างจังหวัดไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท เนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ กทม.และปริมณฑล ราคาไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ต่างจังหวัดไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทขึ้นไป สัดส่วน 49% เท่ากับคอนโดมิเนียม
โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในโครงการบ้านจัดสรรสำหรับต่างชาติ มีสิทธิ์ออกเสียงได้กึ่งหนึ่งของสิทธิ์ การนำเงินเข้ามาซื้อบ้านจัดสรร ต้องผ่านสถาบันการเงินและมีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนที่ดินในโครงการจัดสรรสนามกอล์ฟซื้อเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น การออกเสียงได้กึ่งหนึ่งของสิทธิ์ กรณีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่มีเงื่อนไขว่า ต้องเข้าหลักเกณฑ์ขออนุญาต LTR Visa หรือถือวีซ่าระยะยาว ฯลฯ
ทัวร์ศูนย์เหรียญอื้อ
ด้านนาย จุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่ มีต่างชาติให้ความนิยมอยู่อาศัยแต่กรณีนอมินี ยอมรับว่ามี แต่ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด และ ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นลักษณะของทัวร์ศูนย์เหรียญมากกว่า
เช่นเดียวกับ แหล่งข่าวจากสำนักงานที่ดิน จังหวัดภูเก็ต ระบุว่า ยอมรับว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยในภูเก็ตแต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะคู่สมรส หรือซื้อบ้านพร้อมที่ดินในนามหญิงไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนอมินี หากไม่มีเรื่องการสาวไส้ทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นก็ไม่สามารถเอาผิดได้
ต่างชาติชอบทำเลสะดวกในเมือง
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของต่างชาติชอบอยู่อาศัยทำเลในเมือง เดินทางสะดวกมีบริการสาธารณะ มากกว่าการอยู่อาศัยในทำเลที่ห่างไกลศูนย์กลางเมือง เป็นต้น