ที่ดินแปลงทีโอที (เก่า) ชิดลม ของสำนักทรัพย์สินพระมหากษัติย์ ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การจำเลยนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด ในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อท 152/2566 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง ในคดีติดสินบน 20 ล้านบาท กรณีเช่าที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) แต่น้องชายอดีตนักการเมืองดัง ได้ปฎิเสธคดีติดสินบน โดยศาลนัดตรวจสอบรวบรวมหลักฐานอีกครั้ง วันที่ 16 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
สะท้อนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่สนใจของดีเวลลอปเปอร์ เนื่องจากเป็นที่ดินตั้งอยู่ย่านศูนย์กลางเมืองท่ามกลางโรงแรมหรูระดับ5ดาวอาคารสำนักงานแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ และที่ผ่านมามีการติดต่อสอบถามจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อ1-2เดือนที่ผ่านมา สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ออกประกาศ เชิญชวน เอกชนที่สนใจเช่าที่ดินลงทุนในระยะยาว ลงทะเบียนและ รับเงื่อนไข TOR เอกสารกำหนดขอบเขตการลงทุน โดยรูปแบบขึ้นอยู่กับดีเวลอปเปอร์เป็นผู้เสนอ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมิกซ์ยูส อสังหาริมทรัพย์ แบบผสมผสาน หรืออาจเป็นโปรเจ็กต์เดี่ยวๆ อย่างโรงแรมหรู ,ศูนย์การค้า ,อาคารสำนักงาน
ระยะการเช่า มีให้เลือกตั้งแต่ 30 ปี 50 ปี และ 60 ปี ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ หากใครให้ข้อเสนอที่ดีกว่า จะได้ที่ดินแปลงดังกล่าวไป เพราะเป็นทำเลบนถนนเพลินจิตชิดลมแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เป็นย่านพาณิชย์กรรมขนาดใหญ่ระดับเวิล์ดคลาสจุดหมายปลายทางนักลงทุน ท่องเที่ยวระดับโลกที่ต่างชาติคุ้นเคยซึ่งมูลค่าที่พัฒนากับที่ดินไม่ตํ่ากว่าหมื่นล้านบาท โดยวันที่ 22 ธันวาคมนี้ จะเปิดให้เอกชนยืนข้อเสนอ และเปิดรายชื่อเอกชนผู้ชนะประมูลเดือนมกราคม2567 ตามลำดับ
แหล่งข่าวจากสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า จากการประเมินมูลค่าที่ดินราคาเฉลี่ยตารางวาละ 2 ล้านบาท ขณะนี้มีเอกชนที่สนใจติดต่อสอบถามเข้ามากพอสมควรแต่ข้อด้อยด้านหน้าแปลงที่ดินอาจแคบเล็กน้อยแต่มีความยาว จากถนนเพลินจิตยาวไปจรดถนนเพชรบุรีขึ้นอยู่ที่การออกแบบ
ที่ดินทีโอที (เก่า) แปลงชิดลม มีเนื้อที่ 12ไร่เศษ ประเมินว่าจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมหาศาลเนื่องจากเป็นที่ดินลิสโฮลด์ (สิทธิการเช่า) แปลงใหญ่ขุมทองกลางใจเมืองผืนสุดท้ายบนถนนเพลินจิตตั้งอยู่กลางวงล้อมของกลุ่มอาคารระดับเวิลด์คลาส ติดกับสถานีบีทีเอสชิดลม เชื่อมโยงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและโครงข่ายของถนน สามารถทะลุถึงกันได้หลายทิศทางปัจจุบันพร้อมให้เอกชนเข้าพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และคาดว่าปีหน้าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของที่ดินแปลงนี้
ขณะการประเมินที่ดินของนาย โสภณ พรโชคชัยประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหา ริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส รับว่าที่ดินย่านศูนย์กลางเมืองปี2566 ราคาซื้อขายตลาดสูงสุดอยู่ที่ 3.6 ล้านบาทต่อตารางวาอยู่ที่ สยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิตเพราะเป็นทำเลในรัศมีเดียวกัน และเป็น ราคาที่ดินสูงที่สุดในประเทศไทย ขณะราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์อยู่ที่ตารางวาละ 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ราคาที่ดินย่านกลางเมืองปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ทำให้การเดินทางเกิดการเชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกันเข้าสู่ใจกลางเมืองทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมถึงมีความเคลื่อนไหวการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องขณะราคาที่ดินเฉลี่ยปรับขึ้นปีละ5%
นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ดินขนาด 12 ไร่ที่เคยเป็นสำนักงานทีโอทีติดสถานีรถไฟฟ้าชิดลม และหัวมุมถนนชิดลม ได้กลายเป็นที่สนใจของค่ายอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง สำหรับราคาที่ดินหาก เป็นราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทต่อตารางวาและปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากเมื่อปี 2559 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซื้อที่ดินในซอยบริเวณด้านหลังที่ดินทรัพย์สิน ที่ตั้งสำนักงานทีโอทีเดิมในราคา 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา ขณะราคาประเมินของกรมธนารักษ์(ปี2566-2569) ราคาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา
ส่วนรูปแบบการพัฒนา ที่ดินคาดว่าจะเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เพราะไม่เพียงสอดคล้องกับข้อกำหนดบนที่ดินแล้วยังเหมาะสมกับทำเลของที่ดินแปลงนี้ด้วยโดยตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับปัจจุบัน ที่ดินทีโอทีอยู่ในพื้นที่สีแดง (พาณิชยกรรม) สามารถพัฒนาอาคารขนาดใหญ่ได้ทั้งที่อยู่อาศัยให้เช่าเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ โรงแรม ศูนย์การค้าฯลฯ
นอกจากนี้ทำเลชิดลมบนถนนเพลินจิตยังเชื่อมโยงไปยัง กลุ่มอาคารสำคัญอย่างเซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมระดับ 4-5 ดาว อาคารสำนักงาน รวมถึงที่ดินวชิราวุธ วิทยาลัย เนื้อที่ 63 ไร่ ที่ได้รับโอนจากสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่อยู่ระหว่างพัฒนา ใหม่ถึงสองอาคารทำเลติดสถานีบีทีเอสราชดำริได้แก่อาคารเดอะเพนนินซูล่าพลาซ่า (เก่า) ซอยมหาดเล็กหลวง 1 พลิกโฉมเป็นโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ราชดำริ 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง ในชั้นฐานราก อีกแปลงซอยมหาดเล็ก หลวง 3 อาคารโอบายาชิที่จะพัฒนาใหม่ ขณะนี้รื้อถอนอาคารจนโล่งเตียนรอการพัฒนาเป็นต้น