กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ได้มอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทย ศึกษาความเป็นไปได้ถึงการการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิคนต่างด้าวสามารถ ถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% และพิจารณาทบทวนการกำหนดระยะเวลาของทรัพย์อิงสิทธิตามพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.2562 โดยกำหนดให้ ทรัพย์อิงสิทธิ (การเช่า) มีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 99 ปี
ล่าสุด วันนี้ (25 มิถุนายน 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมที่ดิน อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีการถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของต่างชาติ และการเช่าที่ดิน ซึ่งจะต้องวิเคราะห์ปัจจัยด้านบวก และปัจจัยลบให้ได้ข้อสรุปก่อน
นายอนุทิน ระบุว่า การแก้กฎหมายจะไม่มีการกระทำที่เป็นการเลี่ยงบาลี และได้กำชับไปยังอธิบดีกรมที่ดินว่า ต้องทำให้ดีที่สุด นำข้อกังวลของประชาชนมาพิจารณา ดยต้องทำควบคู่ไประหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องเดินหน้า และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศให้มากที่สุด
“ขอให้มั่นใจว่าสิทธิประชาชนยังอยู่ และไม่ต้องกังวล เพราะไม่มีใครรู้เรื่องที่ดินมากไปกว่ากรมที่ดิน มั่นใจถ้าเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี หรือ ครม. ไม่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนอยู่แล้ว” รองนายกฯ ระบุ
สำหรับกรณี มติครม. ที่มีข้อสั่งการให้ทบทวนกฎหมายครั้งนี้ มีสาระสำคัญ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาค และดึงดูดนักลงทุนขนาดใหญ่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยขอให้กระทรวงมหาดไทย ศึกษาความเป็นไปได้ ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมครม. ได้มอบหมายว่า หากมีความจำเป็นต้องตราหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายประการใดเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย และเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป