รับสร้างบ้านซบเซา! หวังรัฐบาลใหม่ เร่งกระตุ้นศก. สร้างความเชื่อมั่น

21 ส.ค. 2567 | 05:17 น.
อัพเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2567 | 05:39 น.

ตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวในครึ่งปีแรก 2567 ยอดเซ็นสัญญาลดลง 15% สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผยสถานการณ์ท้าทาย พร้อมเสนอแนวทางกระตุ้นตลาดและความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความท้าทายในภาคอสังหาริมทรัพย์ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในปัจจุบัน พร้อมทั้งความคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวของธุรกิจ

ธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกชะลอตัว

นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในครึ่งปีแรกของปี 2567 ว่ามีการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

โดยยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านมีมูลค่ารวมลดลงเหลือ 4,505 ล้านบาท หรือประมาณ 15% ในทุกระดับราคา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มียอดเซ็นสัญญา 5,300 ล้านบาท

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยและเป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวน

โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบได้แก่หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 91% ของ GDP ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่เพียง 52.73 และ GDP ของประเทศไทยในไตรมาสที่สองมีการเติบโตเพียง 2.3% ซึ่งตํ่ากว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกัน

โอฬาร จันทร์ภู่

“ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง นำไปสู่การชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปโดยไม่มีกำหนด”

อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงครึ่งหลังของปีมักเป็นไฮซีซั่นของตลาดรับสร้างบ้าน จึงเป็นโอกาสในการเร่งทำการตลาดและกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค

นายโอฬาร กล่าวถึง ความท้าทายของตลาดรับสร้างบ้านว่า แต่เดิมตลาดมีหลายระดับราคาและแต่ละระดับมีกลุ่มลูกค้ารองรับ แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี บ้านราคา 1-5 ล้านบาทเริ่มขายได้น้อยลง และหลังวิกฤตโควิด-19 บ้านราคาตํ่ากว่า 10 ล้านบาทก็เริ่มมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจรับสร้างบ้านยังได้เปรียบกว่าบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมตรงที่ลูกค้ามีที่ดินเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ ยังพบว่าในไตรมาสที่สองผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมารีโนเวทบ้านมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น การซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยใหม่จึงลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

 

หวังรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

ในส่วนของความคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายโอฬารกล่าวว่า ท่านเองคงทราบปัญหาใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ คนในประเทศก็ทราบถึงสภาวะของธุรกิจอสังหาฯ ที่กำลังซบเซาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน

แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ เมื่อกล่าวถึงธุรกิจอสังหาฯ อาจจะนึกถึงการช่วยเหลือในส่วนบ้านจัดสรร หรืออาคารชุด ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรับสร้างบ้าน

ดังนั้น จึงอยากขอแรงสนับสนุนจากรัฐบาลใหม่ โดยขอให้พิจารณาขยายกรอบเวลาของมาตรการลดหย่อนภาษี เพิ่มมูลค่าการลดหย่อนให้ครอบคลุมทั้งตลาด พิจารณาทำให้มาตรการลดหย่อนภาษีเป็นมาตรการถาวร รวมถึงเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค

โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมและการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคจะส่งผลดีไม่เพียงแต่ต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่ยังรวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย โดยทุกฝ่ายต่างรอดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

รับสร้างบ้านซบเซา! หวังรัฐบาลใหม่ เร่งกระตุ้นศก. สร้างความเชื่อมั่น

ครึ่งปีหลังคาดได้แรงหนุน

ทั้งนี้ นายโอฬาร คาดการณ์ว่า แนวโน้มตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2567 จะได้รับแรงหนุนจากโปรโมชั่นในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024” รวมถึงมาตรการสร้างบ้านลดหย่อนภาษี “ล้านละหมื่น” ที่ได้ประกาศใช้ก่อนหน้านี้

ซึ่งให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยหักลดหย่อนได้ 10,000 บาทต่อมูลค่าการก่อสร้าง 1 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับสัญญาที่เซ็นและเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568

ทั้งนี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้เตรียมจัดงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด อยากสร้างบ้าน ต้องมางานนี้

โดยผู้ที่จองสร้างบ้านในงานจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างหลากหลาย สินเชื่อกู้สร้างบ้าน 100% จาก 6 ธนาคาร รวมถึงส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่ม 20 สตางค์ จากอัตราสินเชื่อปกติ พร้อมด้วยบริษัทประกันภัย ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างกว่า 20 บริษัท

สมาคมฯ ได้ตั้งเป้ายอดเซ็นสัญญาจองสร้างบ้านในงาน Expo 2024 ที่ 4,500 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 15,000 คน ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 65% และต่างจังหวัด 35%

แม้ว่าสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในปัจจุบันจะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมองหาโอกาสและแนวทางในการกระตุ้นตลาด ทั้งจากการจัดงาน การนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ และเสนอมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

โดยมีจุดประสงค์ในการเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งทุกฝ่ายยังคงต้องติดตามผล และประเมินสถานการณ์ตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต