ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้านทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่เกิดจากสงครามในตะวันออกกลาง ทวีความรุนแรงและส่อเค้ายืดเยื้อ ขณะปัจจัยลบในประเทศ ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น หนี้ครัวเรือนสูงและไม่มีท่าทีท่าลดลง ส่งผลให้เกิดการชักหน้าไม่ถึงหลัง
อย่างไรก็ตามแม้ประชาชนยังต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ดูเหมือนจะยากยิ่ง เพราะเกิดช่องว่างราคาบ้าน-คอนโดมิเนียมปรับตัวสูงสวนทางกำลังซื้อนอกจากสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อแล้ว มองว่า คนกำลังผ่อนบ้าน -ผ่อนรถจำนวนไม่น้อยมีความเสี่ยงหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือNPL
โดยมีจะแพงขึ้นจากต้นทุนที่ดิน ดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน วัสดุก่อสร้าง ภาคขนส่งฯลฯ ขณะค่าเงินบาทอาจกระทบกำลังซื้อในประเทศไม่มากนักแต่ สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติแล้วดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่มองว่าน่ากังวล
หากเป็นไปได้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรพิจารณาลดดอกเบี้ยลง เพื่อลดผลกระทบตลาดต่างชาติและเพิ่มขีดความสามารถในการผ่อนชำระของผู้บริโภค
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปีนี้มีปัจจัยลบมากระทบเศรษฐกิจในภาพรวมและตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก และทุกเหตุการณ์ล้วนมีผลกระทบต่อกำลังซื้อ
โดยเฉพาะผลกระทบดอกเบี้ย ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้ มีการปรับลดดอกเบี้ยลงซึ่งจะช่วยเข้าถึงการผ่อนบ้านได้ง่ายขึ้น ขณะสงครามมองว่ามีส่วนกระทบหากยืดเยื้อ ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมันและนำมาซึ่งต้นทุนของราคาบ้าน ส่วนค่าเงินบาทกระทบบริษัทค่อนข้างน้อยเพราะส่วนใหญ่เน้นขายผู้บริโภคคนไทย
“ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเน้น สิ่งที่ผู้ประกอบการอยากได้มากที่สุดคือการลดดอกเบี้ยซึ่งเชื่อว่าจะช่วยพยุงตลาดได้”
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าโอกาสซื้อบ้านเป็นของตนเองยากมาก เพราะ บ้านราคาสูงขึ้น ตามต้นทุนที่ดิน ดอกเบี้ย สวนทางผู้บริโภคมีกำลังซื้อน้อยลง จึงเกิดช่วงว่างค่อนข้างมาก การปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างสูงเช่น10คนอาจผ่านการพิจารณา3คน
แต่ทั้งนี้ บริษัท ไม่ต้องการใช้ทำการตลาดลดราคา แต่ต้องการ นำโครงการที่มีอยู่ สร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยด้วยการ เช่าก่อนซื้อหรือ "RENT TO OWN" (เช่าซื้อ) เป็นการให้เช่ากลุ่ม GenX, Y ที่ซื้อไม่ได้ ให้สามารถเช่ากับเสนาฯ
โดยตรงในตลาดกลาง-ล่างคอนโดมิเนียม ผลตอบรับค่อนข้างดี มีผู้เช่าเต็ม หลังดำเนินการมา 8 เดือนและเริ่มมีผลตอบรับเปลี่ยนจากเช่าเป็นซื้อ หรือบางกลุ่มต้องการเช่าระยะยาว โดยปีหน้าบริษัทเน้นใช้กลยุทธ์รูปแบบนี้ ระบายสต๊อกที่มีอยู่ 7,000ล้านบาทให้หมดไปโดยลดการเปิดตัวโครงการลง
นอกจากนี้ยังเสริมแกร่งธุรกิจ ผนึกพันธมิตรญี่ปุ่น “ฮันคิว ฮันชิน” เปิดบริษัทร่วมทุนใหม่ ภายใต้ชื่อ “เสนา เอชเอชพี” เพื่อร่วมลงทุนในระยะยาว เดินหน้าลุยทุกเซกเมนต์ นับจากนี้