thansettakij
อย่าปล่อย 10 อสังหาฯจีน เบียดแข่งอสังหาฯไทย อนาคตอาจถึงจุดจบ   

อย่าปล่อย 10 อสังหาฯจีน เบียดแข่งอสังหาฯไทย อนาคตอาจถึงจุดจบ   

23 มี.ค. 2568 | 03:24 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มี.ค. 2568 | 03:41 น.

 ดร.โสภณ AREA จี้รัฐบาลอย่าปล่อย 10 ยักษ์อสังหาจีน เบียดแข่งอสังหาไทย 12 บริษัทพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อนาคตอาจถึงจุดจบ  จีนกินรวบ

12 อันดับบริษัทพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในรอบ 30ปีที่ผ่านมาจากฐานข้อมูลที่เก็บมาอย่างยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2537-2567แม้จะใหญ่ แต่ก็อาจมีอนาคตที่ถึงจุดจบ

อสังหาฯจีนVS อสังหาฯไทย อสังหาฯจีนVS อสังหาฯไทย

 

 

ดร.โสภณ พรโชคชัยประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ( www.area.co.th)ได้ นำเสนอผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึง2567 รวม 31 ปี

สามารถจัดลำดับบริษัทพัฒนาที่ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาตลาดที่อยู่อาศัยไทย และพบว่าบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่เหล่านี้สร้างที่อยู่อาศัยได้มากกว่าการเคหะแห่งชาติเสียอีกอันดับหนึ่งของบริษัทพัฒนาที่ดินก็คือ

บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตทซึ่งพัฒนาทั้งหมด 788 โครงการ 263,699 หน่วย รวมมูลค่า 604,520 ล้านบาทหรือ 17.780 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้มีราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยหน่วยละ 2.292 ล้านบาท หรือ 67,425 เหรียญสหรัฐ

ถ้าเทียบกับการเคหะแห่งชาติตั้งแต่ตั้งการเคหะแห่งชาติขึ้นมาเกือบ 50 ปี ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ142,000 หน่วย (ไม่รวมการปรับปรุงชุมชนแออัด บ้านเอื้ออาทรบ้านพักข้าราชการ เป็นต้น) ดร.โสภณกล่าวว่า “ฟ้าส่งการเคหะแห่งชาติมาเกิดยังดันผ่า บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท มาเกิดอีก"

สำหรับอันดับที่ 2 ในด้านจำนวนหน่วยคือ บมจ.แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ซึ่งพัฒนาถึง 137,268 หน่วยใกล้เคียงกับจำนวนหน่วยที่สร้างโดยการเคหะแห่งชาติเลย แต่ก็ยังน้อยกว่าของ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท ถึงเกือบครึ่ง

ส่วนอันดับที่ 3, 4 และ 5ก็ใกล้เคียงกับอันดับที่ 2 ได้แก่ บมจ.ศุภาลัย บมจ.เอ.พี. (ไทยแลนด์) และบมจ.แสนสิริ ที่พัฒนาจำนวน 129,982, 129,853 และ 124,540 หน่วยตามลำดับสำหรับบริษัทพัฒนาที่ดินอันดับที่ 6-12 นั้นส่วนมากเป็นบริษัทที่เปิดตัวมาตั้งแต่ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540

แต่มีอยู่ 4 บริษัทที่เปิดมาในภายหลังได้แก่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (อันดับที่ 7) บมจ.อนั้นดาดีเวลลอปเม้นท์ (อันดับที่ 9) บมจ.แอสเซทไวส์ (อันดับที่ 11) และบมจ.เอสซีแอสเสทคอร์ปอเรชั่น (อันดับที่ 12)

แสดงว่าบริษัทใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่เกิน 30 ปีก็มีโอกาสเติบโตเช่นกันหากเป็นบริษัทมหาชนที่มีผลงานต่อเนื่อง)ทั้ง 12 บริษัทนี้ เปิดถึง 3,504 โครงการ รวม 1,160,229 หน่วย รวมมูลค่า4,279,673 ล้านบาท หรือ 125.873 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 3.689 ล้านบาท หรือ 108,490 เหรียญสหรัฐ

 

ดร.โสภณประมาณการว่ามูลค่าที่บริษัทมหาชนทั้ง 12 แห่งนี้พัฒนาน่าจะมีขนาดประมาณหนึ่งในสามของมูลค่าการพัฒนารวมทั่วประเทศ เพราะบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในจังหวัดภูมิภาคมักพัฒนาโครงการขนาดเล็กในอนาคตโอกาสที่บริษัทขนาดเล็กจะเสียเปรียบบริษัทขนาดใหญ่

ธุรกิจพัฒนาที่ดินจะมีลักษณะกึ่งผูกขาดโดยบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงมูลค่าการพัฒนาทั้งหมด บมจ.เอ.พี.(ไทยแลนด์) พัฒนาในมูลค่าสูงสุดถึง 634,526 ล้านบาท หรือ 18.663พันล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าบมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท เพียง 5% ทั้งนี้เพราะบมจ.เอ.พี. (ไทยแลนด์)

สร้างบ้านในราคาที่สูงกว่า คือเฉลี่ย 4.886 ล้านบาท หรือ143,720 เหรียญสหรัฐ บริษัทนี้สร้าง 472 โครงการ รวม 129,853 หน่วยในอนาคต บริษัทพัฒนาที่ดินจีนจะมาแข่งกับไทยอย่างแน่นอนเพราะเศรษฐกิจจีนอาจอ่อนแอลง

เพราะสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาบริษัทพัฒนาที่ดินจีนจึงไม่สามารถเติบโตในประเทศได้อีกต่อไปและจะมาแข่งขันนอกประเทศมากขึ้นประเทศที่จีนเล็กเป้าที่จะมาลงทุนก็คงไม่พ้นประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะไทยอินโดนีเซียและมาเลเซีย เป็นสำคัญ มาลองดูขนาดของบริษัทจีนที่มีขนาดใหญ่มาก

รายได้ของ 10 บริษัทพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน พ.ศ.2566  

1 ) ไชน่า แวนเคอ ( China Vanke)  503.84 พันล้านหยวน / 2,357,971 ล้านบาท/ 69.352พันล้านUSD

2) กรีนแลนด์ โฮลดิ้ง (Greenland Holdings)  435.91 พันล้านหยวน  / 2,040,059 ล้านบาท /60.002  พันล้าน USD

 3) คันทรี่ การ์เด้น (Country Garden) 430.37  พันล้านหยวน /2,014,132 ล้านบาท/59.239พันล้านUSD

4)  โพลี่ เรียลเอสเตท( Poly Real Estate)  281.11 พันล้านหยวน / 1,315,595 ล้านบาท/ 38.694 พันล้านUSD

5)   ลองฟอร์  พร็อพเพอร์ตี้ ( Longfor Properties)  250.57  พันล้านหยวน /1,172,668ล้านบาท/ 34.490 พันล้านUSD

 6)  ไชน่ารีซอร์สเซส แลนด์ (China Resources Land Limited)  207.06 พันล้านหยวน / 969,041 ล้านบาท/ 28.501พันล้านUSD

7) ไชน่า เมอร์แซนท์ เสอโขว่ อินดัสตี้   (China Merchants Shekou Industrial ZoneHoldings) 183.00 พันล้านหยวน/ 856,440  ล้านบาท /25.189 พันล้านUSD

8) กรีน ทาวน์ ไชน่า (Greentown China)  127.15 พันล้านหยวน/ 595,062ล้านบาท/ 17.502 พันล้านUSD

9)   เจมเดล คอเปอร์เรชั่น (Gemdale Corporation)  120.21 พันล้านหยวน/ 562,583ล้านบาท/ 16.547พันล้านUSD

10) ซีเซน กรุ๊ป (Seazen Group ) 116.54พันล้านหยวน/ 545,407 ล้านบาท/ 16.041 พันล้านUSD

ที่มา: https://www.statista.com/statistics/454494/china-fortune-500-leading-chinese-real-estate-companies/

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าบริษัทขนาดใหญ่ของจีนมีขนาดมหึมามากจริงๆทั้งนี้ลองเปรียบเทียบกับบริษัทพัฒนาที่ดินไทยที่ใหญ่ที่สุด

10 อันดับแรกมูลค่าการพัฒนาของบริษัทพัฒนาที่ดินไทยที่ใหญ่ที่สุด พ.ศ.2567

1) เอพี (A.P. (Thailand)  47,778  ล้านบาท/1.405 พันล้าน USD

2) เอสซี แอสเสท(SC Asset Corporation) 32,676  ล้านบาท/0.961  พันล้าน USD

3) แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (Land &House)  32,352 ล้านบาท / 0.952 พันล้านUSD

4)แสนสิริ(Sansiri) 31,679  ล้านบาท / 0.932 พันล้านUSD

5) โนเบิล(Noble Development) 30,804 ล้านบาท/ 0.906 พันล้านUSD

6)ศุภาลัย (Supalai) 26,410  ล้านบาท /0.777พันล้านUSD

7) เมเจอร์ (Major Development) 18,250  ล้านบาท/ 0.537 พันล้านUSD

8) อนันดาฯ(Ananda Development) 15,696  ล้านบาท/0.462 พันล้านUSD

9) พฤกษา (Pruksa Real Estate) 13,357  ล้านบาท /0.393 พันล้านUSD

10) ควอลิตี้เฮ้าส์ (Quality House) 11,538  ล้านบาท /0.339พันล้านUSD

รวม 260,540  ล้านบาท/7.663พันล้าน USD

บริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุด 10อันดับแรกรวมกันพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียง260,540 ล้านบาท หรือ 7.663 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยังน้อยกว่าบริษัทอันดับที่10 ในปี 2566 ที่มีรายได้ถึง 545,407 ล้านบาท หรือ 16.041พันล้านเหรียญสหรัฐ ดร.โสภณ ตั้งข้อสังเกตว่าหากรัฐบาลไทยปล่อยให้บริษัทพัฒนาที่ดินจีนเข้ามาแข่งขันอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยไทยคงถึงจุดจบ