ลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย นโยบายล่าสุดที่รัฐบาลภายใต้การนำของ"เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยผลักดันออกมา โดยมี "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ผลักดันนโยบาย
ต่อกรณีดังกล่าวนายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุถึงนโยบายรัฐบาลในการดูแลค่าไฟฟ้าดังกล่าวว่า ขอประเมินแนวทางการบริหารหนี้ที่ยังคงค้างอยู่ 1.35 แสนล้านบาท ว่าจะสามารถยืดหนี้ได้อีกกี่งวด
ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายรัฐบาลน่าจะดูแลค่าไฟฟ้าไปถึงปี 2567 ซึ่งในงวดแรกที่จะต้องชำระคืนหนี้ กฟผ.ยังสามารถรับภาระได้อยู่ แต่ในระยะต่อไปต้องประเมินอีกครั้ง จากที่จะต้องคืนหนี้ กฟผ.งวดสุดท้ายคือเดือนเมษายน 2568 อาจเป็นไปได้ที่จะขยายไปถึงสิ้นปี
โดยตามติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ช่วยรับภาระต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติโดยปรับลดค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้าซึ่งแต่เดิมกำหนดไว้ 323.37 บาทต่อล้านบีทียู เป็นไม่เกิน 304.79 บาทต่อล้านบีทียู แต่หากราคาก๊าซฯเกินกว่านั้น ปตท.จะต้องรับภาระส่วนนี้้
"ยอมรับว่าผลจากการยืดหนี้ค่าไฟนั้น เรื่องที่กังวลมากที่สุดคือเครดิตเรตติ้งจะลดลงหรือไม่ สำหรับข้อเสนอการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อจ่ายคืนหนี้ กฟผ. มองว่าอาจไม่ใช่แนวทางที่จะทำได้เพราะเป็นการระดมเงินเพื่อชำระหนี้ ไม่ใช่การนำไปลงทุนต่อ"