นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องค่าการตลาดที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานต้องการคุมค่าการตลาดให้ไม่เกิน 2 บาท ว่า ขณะนี้บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR)ได้มีการจัดทีมดูแลเรื่องดังกล่าว เพื่อทำความเข้าใจกับรัฐบาล โดยเฉพาะสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อปรับเรื่องของสูตรการคำนวณ
"ที่มาของต้นทุนแต่ละบริษัทมีความหลากหลายตามแหล่งที่มา รวมถึงสเปคของน้ำมันสนประเทศไทย ซึ่งต้องมาดูว่าเป็นอย่างไร โดยนำสเปคตามที่รัฐบาลประกาศเข้ามาจำหน่าย เพราะฉะนั้นจึงต้องมาหารือเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน"
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญก็คือต้องดูว่าการแข่งขันในประเทศมีความเพียงพอหรือไม่ โดยคำตอบก็คือค่อนข้างเพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมาการปรับราคาของโออาร์ช่วงราคาน้ำมในขาขึ้นก็มีการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี หากดูไปถึงผลประกอบการก็จะพบว่ากำไรต่อยอดขายก็อยู่ในระดับที่ต่ำมากประมาณ 2% ต่อยอดขาย ทั้งที่รวมธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Non-Oil) เรียบร้อยแล้ว
หากถามว่าจะควบคุมให้ไม่เกิน 2 บาทได้หรือไม่ คงต้องไปดูในรายละเอียด โดยหากทำความเข้าใจเรื่องของต้นทุนร่วมกันได้ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งหากมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อควบคุม ก็คงต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
สำหรับภาพรวมทิศทางการดำเนินธุรกิจปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซ หลังปตท.สผ. สามารถเข้าพื้นที่แปลง จี 1/61(เอราวัณ) สามารถผลิตก๊าซเพิ่มขึ้นจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และตามแผนจะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในเดือนเม.ย. 67
ขณะเดียวกันเทอมินอลแอลเอ็นจี แห่งที่ 2 ขนาด 7.5 ล้านตันก็เสร็จตามแผน ส่งผลให้ปัจจุบันสามารถรองรับแอลเอ็นจี รวม 19 ล้านตัน
ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของกลุ่ม ปตท. สามารถทำได้ดีกว่าแผน ปัจจุบันกำลังการผลิตทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 3,000 เมกะวัตต์ ดังนั้น ปตท.ได้ปรับเป้ากำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากเดิมตั้งเป้า 12 กิกะวัตต์ เพิ่มเป็น 15 กิกะวัตต์ภายในปี 73