นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแผนรับมือราคาพลังงานปี 2567 ว่า สิ่งที่จะทำคือหารือกับกรมสรรพสามิต เพื่อขอให้ขยายระยะเวลาลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลงไปอีก
จากเดิมที่ลดการจัดเก็บลง 2.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 31 ธ.ค.2566
อย่างไรก็ดี เบื้องต้นกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ระหว่างการกู้เงินที่ยังเหลืออีก 50,333 ล้านบาท เข้าบัญชีเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศ ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ ได้ทยอยกู้ยืมเงินโดยสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2566 โดยลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินรวม 105,333 ล้านบาท จากวงเงิน 150,000 ล้านบาท ปัจจุบันเบิกเงินกู้ยืมแล้ว 55,000 ล้านบาท
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 8 ต.ค. 2566 ติดลบ 68,327 ล้านบาท แบ่งเป็น
“กระทรวงพลังงานจึงต้องการให้ความมั่นใจถึงการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงพลังงานในทุกด้าน โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ เป็นเครื่องมือหลักในการบริหารจัดการราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสม โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันราคาลดลงมาอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร และก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก."
ส่วนมาตรการช่วยเหลือน้ำมันเบนซินเฉพาะกลุ่มนั้น ขณะนี้ได้เสนอแผนช่วยเหลือต่อนายพีระพันธุ์ เรียบร้อยแล้ว