นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง รับมือการออกประกาศใช้มาตรการ CBAM กับสินค้านำเข้า 6 กลุ่ม ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 ธันวาคม 2568 จะต้องแจ้งข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ผู้นำเข้าจะต้องซื้อ “ใบรับรอง CBAM” ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดย กรมได้นำผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชน แลกเปลี่ยนมุมมองต่อการเตรียมรับมือมาตรการ CBAM ของอียู ทั้งการเตรียมรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การตรวจสอบรับรองการรายงานของภาคเอกชน โดยหน่วยงานสอบทาน (verification and accreditation) และข้อห่วงกังวลของภาคธุรกิจไทยไม่ กว่าจะเป็นการรายงานข้อมูลที่อาจเป็นความลับด้านเทคโนโลยี
ความพร้อมและสถานการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ โดยควรให้ความยืดหยุ่นกับประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่มระยะเวลาในการรายงานและปรับแก้ข้อมูลมากขึ้น เนื่องจากการรายงานข้อมูลมีความซับซ้อนและมีหลักเกณฑ์การลงโทษสำหรับการรายงานข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งประเด็นที่ภาคธุรกิจไทยต้องการได้รับการสนับสนุนจากอียู เช่น การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับรายงานข้อมูลในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 3 ปีแรก การให้สามารถใช้ผู้ทวนสอบในไทย (local accredited verifiers) เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และทางเลือกการลดหย่อนภาระในการซื้อใบรับรอง CBAM หากได้มีการดำเนินการลดก๊าซฯ ในประเทศแล้ว เป็นต้น
ทั้งนี้ กรม อบก. และ สอท. จะรวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะจากการสัมมนาครั้งนี้ ไปจัดทำแผนการทำงานต่อไป โดยเฉพาะการหารือกับอียู ซึ่งได้เตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ เพื่อหาทางบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคเอกชนไทยให้ได้มากที่สุด