การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Climate Change” ทวีความรุนแรง กลายเป็นโลกเดือด ภัยใกล้ตัว ที่สร้างความสั่นสะเทือนกับคนทั้งโลกจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ และ วิตกว่าหากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือแก้ไข อย่างจริงจังแล้ว ความหายนะจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับโลกใบนี้
ท่ามกลางวิกฤตได้สร้างโอกาสทางธุรกิจที่ภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกัน หาแนวทางลดโลกร้อน เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเพื่อใช้พลังงานสะอาด เช่นเดียวกับ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายแรกของไทย ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ NETZERO ในปี2050 (พ.ศ.2593)
โดยที่ผ่านมาแสนสิริ ตระหนัก และให้ความสำคัญต่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากว่า10ปีโดยเริ่ม จากการปรับตัวกันเองภายในองค์กร และขยายไปสู่ ลูกบ้านผ่านโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร และลงสู่บ้านอยู่อาศัยแต่ละหลัง ที่ขายไปกว่า1แสนหน่วยและโครงการใหม่ ร่วมมือร่วมใจลดความแปรปรวนของโลก รวมถึงตระหนักถึงการคัดแยกขยะนำมารีไซเคิล เป็นพลังงานลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI สะท้อนภายใต้หัวข้อ “Net Zero-Carbon Credit ความท้าทายกับโอกาสทางธุรกิจ” ในงานสัมมนา Road To NET ZERO โอกาส & ความท้าทายทางธุรกิจ จัดขึ้นโดย หนังสือพิมพ์ “ฐานเศรษฐกิจ” เมื่อที่ 5 กันยายน 2566 ณ สยามพารากอน
โดยระบุว่าต้องการให้ทุกคนเปลี่ยนความท้าทายเป็นการสร้างโอกาสให้กับ “โลกที่ยั่งยืน” มากกว่าเชิงธุรกิจ โดยสะท้อนโอกาสธุรกิจ มีหลากหลายมิติ อุณหภูมิโลกสูงขึ้นและขั้วนํ้าแข็งละลายส่งผลให้ปริมาณนํ้ามากขึ้น สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานนํ้ามาเป็นการไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ หลายประเทศ เริ่มมีการใช้นโยบาย คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ซึ่งเป็นการช่วยผลักดันภาคธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ลดก๊าซคาร์บอน
ตลอดจน อุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เกิดการขยายตัวขึ้น เช่น Green Product, Low-emission products ต่อไปผลตอบแทนที่คาดว่าจะเกิดจากการดำเนินงาน ลูกบ้านแสนสิริ มีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น พันธมิตร Value chain ต่างๆ เดินหน้าพันธกิจร่วมกับแสนสิริ ในการพัฒนาโปรดักส์ที่เป็นมิตรต่อโลกและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
กว่า 10 ปี แสนสิริเป็นบริษัทแรกที่ติดตั้ง อีวี ชาร์จเจอร์ ลงในโครงการคอนโดมิเนียม ปัจุบันติดตั้ง 463 จุด รวมถึงโครงการบ้านจัดสรร และมีเป้าหมายกระจายสู่บ้านพักอาศัยเพราะรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการตอบรับค่อนข้างสูงเติบโตเกือบ 100% โดยพยายามเปลี่ยนอินฟราสตรัคเจอร์ เข้าไปในที่อยู่อาศัยที่ขายให้กับลูกค้าพร้อมตั้ง เป้าในปี 2025 (พ.ศ.2568) ติดอีวีเข้าไปในโครงการบ้านจัดสรร ทุกหลังขณะเดียวกันมีแผนทำบ้านทุกหลังให้เป็นบ้านเย็นลดการใช้พลังงาน โดยใช้สีสะท้อนแสงการติดตั้ง หลังคาโซลาร์เซลล์ วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายสูงสุดสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero ให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 1 ก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนตํ่า มุ่งประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการการใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาดเป็น 100% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) ผ่านการขยายแผนการติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) คือการนำแผงโซลาร์เซลล์ มาติดตั้งบนหลังคาบ้าน และ EV Charger ครบ 100% ให้กับบ้านแสนสิริทุกหลัง และติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครบ 100% สำหรับคลับเฮาส์ ทุกโครงการ รวมถึงติดตั้งระบบสูบนํ้าและบำบัดนํ้าเสียพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการ เปลี่ยนรถส่วนกลางของบริษัทให้เป็นรถ EV 100% และเปลี่ยนการใช้นํ้ามันของเครื่องจักรทุกชนิดมาใช้พลังงานไบโอดีเซล 100%
กลยุทธ์ที่ 2 ออกนโยบายด้านธรรมาภิบาลเพื่อลดคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้การดำเนินการ 3G ได้แก่ Green Procurement เลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน มีแผนลดการใช้พลังงานและนํ้าทั้งในการผลิตและการใช้งานระยะยาว ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่พร้อมวางเป้าหมายจัดซื้อวัสดุ คาร์บอนตํ่า (Low-carbon) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ในสัดส่วน 30% ของวัสดุที่ผ่านการจัดซื้อโดยแสนสิริ ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) Green Architecture & Design ออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เช่น Cool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบเพื่อทุกคน คือคนทุกเพศทุกวัยรวมทั้งการผสมผสานแนวคิด ความสำคัญWell Being ด้านคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยสะอาดปราศจากเชื้อโรค ครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์และGreen Construction การก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหา ริมทรัพย์ที่มีวัสดุเหลือใช้เป็นศูนย์ ตลอดจนใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อย่นระยะเวลาก่อสร้างเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด
กลยุทธ์ที่ 3 การลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว โดยลงทุนในบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 3 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาทอาทิ โรงงานพรีคาสท์ และอนาคตผลิตแบตเตอรี่ ที่สามารถชาร์จพลังงานจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หลังคาบ้าน และนำไปใช้กับรถEVได้อีกด้วย
แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง แต่ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ (Value Chain) เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของโลกร้อน และแปรปรวนไปสู่โลกรวนโลกเดือดอย่างรวดเร็ว และนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อีกต่อไป!!!