ลองจินตนาการว่าหากท่าเรือมีผลกระทบ เเละไม่สามารถขนถ่ายสินค้าได้ จะมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานปลายน้ำและต่อต้นน้ำด้วย เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกัน
ภัยแล้งรุนแรงทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปี Mississippi River ลดลงต่ำมากจนเรือเกยตื้น เพื่อให้การค้าดำเนินต่อไป วิศวกรของกองทัพสหรัฐฯ กำลังใช้เรือขุดลอกตะกอนในแม่น้ำใกล้เมืองวิคส์เบิร์ก รัฐมิสซิสซิปปี ระดับน้ำที่ลดต่ำอาจส่งผลกระทบทางการเงินครั้งใหญ่
แม่น้ำมิสซิสซิปปี อยู่ตอนกลางของสหรัฐ เป็นเครือข่ายสาขาแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือมีความยาวทั้งสิ้น 3,334 กม. ระบบแม่น้ำมิสซิสซิปปี-มิสซูรียาวเป็นอันดับที่ 4 ของโลก แม่น้ำมิสซิสซิปปีเริ่มต้นจากในรัฐมินนิโซตา และออกสู่ปากอ่าวเม็กซิโกที่รัฐลุยเซียนา เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ โดยเฉพาะ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ยาสูบ เป็นจุดที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองในช่วงแรกของการสำรวจทวีปอเมริกาเหนือ
แม่น้ำแห่งนี้ถูกใช้เพื่อการขนส่งทางอุตสาหกรรมเป็นหลักโดยบรรทุกสินค้าเกษตรและเหล็กกล้าจากปลายด้านหนึ่งของประเทศไปยังอีกด้านหนึ่ง
คลองปานามาเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ความแห้งแล้งอย่างรุนแรงทำให้ทางการต้องลดจำนวนเรือในแต่ละวันที่แล่นข้ามคลอง ส่งผลให้กระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็ดำเนินการอีกครั้ง ทำให้ต้นทุนการขนส่งทั่วโลกสูงถึง 370 ล้านดอลลาร์ ตามการศึกษาของ RTI International ขณะที่ในปีเดียวกันนั้นเอง ระดับน้ำที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ทำให้การขนส่งสินค้าทางการเกษตรหยุดชะงัก ส่งผลให้ขาดทุนประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์
ปรากฎการณ์เอลนีโญกระทบคลองปานามา
สำนักงานบริหารคลองปานามา ประเมินว่า ปี 2566 คลองปานามาจะได้รับผลกระทบจาก ปรากฏการณ์เอลนีโญตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป และจะกระทบต่อปริมาณน้ำที่จะสามารถผันเข้าสู่คลอง ปานามา โดยสถาบันอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาของปานามา เฝ้าติดตามปริมาณน้ำฝน รวมถึงน้ำในทะเลสาบและแม่น้ำสายสำคัญทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาบ Gatun ทะเลสาบ Bayano แม่น้ำ Changuinola และเขื่อนและพื้นที่ชุ่มน้ำ Fortuna พบว่า มีปริมาณน้ำฝนที่น้อยกว่า 100 มิลลิลิตรต่อวัน ในช่วงเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม มีความเสี่ยงที่จะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
โดยปกติฤดูกาลของสาธารณรัฐปานามา ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของภูมิภาคอเมริกากลางนั้น ฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือน พฤษภาคม - มกราคม ซึ่งเดือนที่มีฝนตกมากที่สุด คือ เดือนตุลาคม และฤดูแล้งอยู่ในช่วงเดือน มกราคม - พฤษภาคม ซึ่งเดือนที่แล้งที่สุด คือ เดือนกุมภาพันธ์
ความสำคัญคลองปานามาต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย
ข้อมูลจาก กองวิจัยเศรษฐกิจการค้ามหภาค สำนักงานนโยบายเเละยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพานิชย์ ระบุว่า คลองปานามาเป็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศในทวีปเอเชีย โดยประเทศไทยเป็นคู่ค้า อันดับที่ 6 ของสหรัฐฯ ในทวีปเอเชีย ที่ใช้คลองปานามาเป็นเส้นทางการขนส่งของเรือตู้คอนเทนเนอร์ มีมูลค่ารวม 17,912.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
เป็นเส้นทางการขนส่ง สินค้าไปจากท่าเรือฝั่งตะวันออก (East Coast) ของสหรัฐฯ และการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับ ประเทศในแถบลาตินอเมริกา โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล เวเนซุเอลา กายอานา ซูรินาเม และเฟรนซ์เกียนา และประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลแคริบเบียน หรืออเมริกากลาง สินค้าสำคัญของไทยที่ขนส่งไปยังท่าเรือฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้แก่ ยางรถบรรทุกหรือรถบัส ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ ยางรถยนต์นั่ง และปลาทูน่าปรุงแต่ง
ท่าเรือสำคัญ ที่นำเข้าสินค้าจากไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ท่าเรือ Newark รัฐนิวเจอร์ซี ท่าเรือ Savannah รัฐจอร์เจีย ท่าเรือ Houston รัฐเท็กซัส ท่าเรือ Norfolk-Newport News รัฐเวอร์จิเนีย และ ท่าเรือ Charleston รัฐเซาท์แคโรไลนา
ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญไปยังทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และ ส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และสินค้าส่งออกสำคัญไปยังอเมริกากลาง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และหม้อแปลงไฟฟ้าและ ส่วนประกอบ
ปริมาณการค้าทางทะเลคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในปี 2050
สินค้าที่มีการซื้อขายประมาณ 90% ถูกขนส่งผ่านทางน้ำ และปริมาณการค้าทางทะเลคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในปี 2050 ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการขนส่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากพายุโซนร้อน น้ำท่วมภายในประเทศ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ความแห้งแล้ง และความร้อนจัด
3% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกมาจากการขนส่งทางเรือ
บรรดาภาคการขนส่งทั้งหมด การขนส่งทางเรือถือเป็นภาคส่วนที่เสี่ยงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด ไม่ว่าจะออกทะเล แม่น้ำ ลำคลอง หรือแม้แต่เข้าท่าเรือ แต่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการขนส่งทางเรือก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ช้าที่สุด
การขนส่งคิดเป็นประมาณ 3% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก แต่ต้องใช้เวลาจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้สำหรับอุตสาหกรรมระหว่างประเทศในการตกลงสู่เป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
ความท้าทายของอุตสาหกรรมทางเรือ
เวลานี้เป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมทางเรือกำลังมุ่งเน้นไปที่ความยืดหยุ่นและการวางแผนมากขึ้น ในการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเรือและอัพเกรดระบบตรวจสอบสภาพอากาศ โดย Wartsila ผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมทางทะเลและพลังงาน กำลังหันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ โดยใช้โซลูชันดิจิทัลเพื่อรวมการพยากรณ์อากาศ ข้อมูลสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลโลจิสติกส์ เพื่อจัดการกับการหยุดชะงักและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น
ขณะที่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Maersk เป็นบริษัทเดินเรือสัญชาติเดนมาร์ก ดำเนินงานการขนส่งสินค้าทางทะเล ทางบก และทางอากาศ รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์และสายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีสำนักงานในกว่า 130 ประเทศ และพนักงานกว่า 95,000 คนทั่วโลก
ได้เปิดตัวเรือคอนเทนเนอร์ลำแรกที่ขับเคลื่อนด้วยเมทานอลสีเขียว ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเรือแบบดั้งเดิม เรือประเภทนี้อีก 24 ลำ กำลังจะมา แต่เชื้อเพลิงมีราคาแพงและหายาก
🎉Her name is… LAURA MÆRSK🍾 the world’s first container vessel sailing on green methanol was formally christened by her Godmother European Commission President Ursula von der Leyen at today’s historic name giving ceremony. #Maersk #allthewaytozero #lauramaersk #greenmethanol pic.twitter.com/3JxEyAWpGK
— Maersk (@Maersk) September 14, 2023
ที่มาข้อมูล