จากกรณีที่มติคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) เห็นชอบแนวทางการดำเนินการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ หรือ ดาวเทียมไทยคม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ซึ่ง บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และปัจจุบันชื่อบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ได้รับสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ หรือ ดาวเทียมไทยคม มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 10 กันยายน 2564 โดยหนึ่งในมติ ครม. กรณีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาฉบับที่ 5) เห็นควรให้ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นใน บมจ. ไทยคม ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ล่าสุด นายจิตชาย มุสิกบุตร รองกรรมการผู้อำนายการสายงานบริหารด้านกฎหมายและเลขานุการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า มีผู้ถือหุ้นสอบถามมายังบริษัทจำนวนมากเนื่องจากข่าว ในวันที่7 กันยายน 2564 ที่แจ้งว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติสำหรับแนวทางดำเนินการตามสัญญาดำเนินกิจการ ดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาสัมปทานดาวเทียม”) กรณีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (การแก้ไขสัญญาฉบับที่ 5) โดยเห็นควรให้ บริษัท ถือหุ้นใน บมจ. ไทยคม จำกัด (มหาชน)หรือ THCOMไม่ต่ำกว่าร้อยละ51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดนั้น
บริษัทฯ ขอเรียนว่า บริษัทฯ และบมจ.ไทยคม เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การดำเนินการที่สำคัญใดๆ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และ/หรือ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ประกอบกับสัญญาสัมปทานดาวเทียมกำลังจะสิ้นสุดลงตามอายุของสัญญาในวันที่ 10 กันยายน 2564 นี้จึงต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการดำเนินการนั้นด้วย
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังไม่ได้รับหนังสือ หรือ เอกสารใดจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด โดยหากมีความชัดเจนหรือได้รับทราบในรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว บริษัทฯจะชี้แจงให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป.