AIS มุ่งสู่ “Cognitive Telco” ยกระดับบริการทุกมิติรักษาผู้นำ

09 พ.ค. 2565 | 08:30 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ค. 2565 | 15:53 น.

เอไอเอส ประกาศยุทธศาสตร์รักษาผู้นำตลาด มุ่งสู่องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ “Cognitive Telco” ยกระดับคุณภาพการให้บริการในทุกมิติ ยก Metaverse มาตัวนำสร้างโอกาสให้ธุรกิจ เปิดใจครั้งแรกกรณีควบรวมกิจการทรู-ดีแทค จับตามองท่าที นโยบายบอร์ด กสทช.ชุดใหม่อย่างใกล้ชิด

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส (AIS) เปิดเผยว่ายุทธศาสตร์เอไอเอส มุ่งยกระดับสู่ Cognitive Telco หรือ องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยการไปสู่ Cognitive Telco ประกอบไปด้วย 3 ส่วน หลัก คือ 1.เพิ่มการมีส่วนร่วม (Interactive) กับลูกค้า, 2.ตอบรับกระแส Personalization ของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และ 3. เร็วระดับ Real Time เพื่อให้เท่าทันทุกความต้องการของลูกค้า โดยองค์กรประกอบทั้ง 3 ส่วน จะต้องมีการวางโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงระบบไอทีให้เป็น Intelligent network และ AI, Data Analytic ในระดับ Advance

AIS มุ่งสู่ “Cognitive Telco” ยกระดับบริการทุกมิติรักษาผู้นำ

“แรงบันดาลใจของเอไอเอสในการทำงานตลอด 31 ปีที่ผ่านมา คือ การส่งมอบคุณภาพบริการที่ดีที่สุดในทุกด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย Steak Holder ทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน และที่สำคัญที่สุด คือ เป็นส่วนหนึ่งในการนำเทคโนโลยีสื่อสาร หรือ digital มายกระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอนาล็อก สู่ ดิจิทัล จากบทบาทของการเป็น Mobile Operator สู่ Telecom Operator และประกาศสู่การเป็น Digital Life Service Provider เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา โดยมุ่งนำดิจิทัลมายกระดับการใช้ชีวิตคนไทย ล่าสุดประกาศเตรียมก้าวสู่ Cognitive Telco โดยมองว่าเทคโนโลยีและบริบทต่างๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ลำพังเพียงแค่ความเร็วและแรง จึงไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะรักษาความเป็นผู้นำ”

 นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า คุณภาพของการให้บริการในทุกมิติ ที่จะเพิ่มมากขึ้นจากการก้าวสู่ Cognitive Telco พร้อมกับความตั้งใจในการมอบความพิเศษในการใช้ชีวิตและการทำงานให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงการนำนวัตกรรมที่จะสร้างโอกาสให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ และประเทศไทย อย่าง Metaverse มาตัวนำ (Lead)

AIS มุ่งสู่ “Cognitive Telco” ยกระดับบริการทุกมิติรักษาผู้นำ

 โดยการดำเนินธุรกิจจะมุ่งเน้นใน 3 แกนคือ 1. Mobile ที่เป็นธุรกิจหลัก และใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) ในเรื่องต่างๆที่ทำอยู่ให้มากขึ้น 2. AIS Fibre และ Enterprise Solutions เป็น Growth Engine ใหม่ ใช้ระบบพันธมิตร (Partnership) ให้เกิดความแข็งแกร่งในระบบนิเวศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 3. New Digital Service ตั้งเป็นองค์กรแยกออกมาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ลงทุนและขยายงานเพื่ออนาคต โดยจะเริ่มเห็นความคืบหน้าในครึ่งปีแรกนี้ อาทิ AISCB ที่จะให้บริการสินเชื่อดิจิทัล

นายสมชัย กล่าวต่อไปอีกว่ากรณีการการควบรวมกิจการทรูและดีแทค ในฐานะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเช่นเดียวกัน การที่ทั้ง 2 องค์กรประกาศควบรวม ก็ถือเป็นนโยบายการดำเนินธุรกิจของแต่ละองค์กรไป แต่สิ่งที่เราอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ละเลยและต้องลงรายละเอียดอย่างจริงจัง คือ ประเด็นด้านกฎหมายและผู้บริโภค ดังที่เราได้ไปยื่นจดหมายเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และ ปกป้องสิทธิของบริษัทและผู้ถือหุ้น

 

เนื่องจากไม่อาจทราบได้ว่าหลังจากการควบรวมแล้ว อาจมีผลกระทบใดต่ออุตสาหกรรม หรือการกำกับดูแลของกสทช.ที่ต้องลงรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีกระแสจากผู้บริโภค สังคม และหน่วยงานภาครัฐ ต่างมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างเข้มข้น จึงมองได้ว่าเป็นประเด็นที่อาจกระทบผู้บริโภคและภาครัฐ หากบริษัทไม่ทำอะไร ผู้ถือหุ้นอาจมาฟ้องร้องได้ว่าผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ

 

นอกจากนี้เรายังต้องการเห็นกระบวนการทำงานของ กสทช.ในการพิจารณาการควบรวมอย่างชัดเจนและโปร่งใส เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาผลกระทบต่อทุก stakeholder อย่างรอบด้านและรอบคอบ

 

 โดยบริษัทฯ ได้มีการติดตามนโยบายและท่าทีของบอร์ดกสทช.ชุดใหม่อย่างใกล้ชิด ต่อประเด็นการดำเนินการรับพิจารณาการควบรวม หลังจากที่มีพระราชกิจจานุเบกษา ประกาศแต่งตั้งประธานและกรรมการ กสทช ชุดใหม่ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2565 ที่ผ่านมาและได้เริ่มเข้าปฏิบัติงานแล้ว