รมว.ดีอี การันตี CrowdStrike และระบบ Windows ล่มทั่วโลก ไม่กระทบระบบสื่อสาร

19 ก.ค. 2567 | 14:21 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2567 | 14:29 น.

"รมว.ดีอี" การันตี กรณี CrowdStrike (คราวด์สไตรก์) และ ระบบ Windows ล่มทั่วโลก ไม่กระทบเครือข่ายมือถือ-อินเทอร์เน็ต ไทย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า ระบบการให้บริการของ บริษัท CrowdStrike (คราวด์สไตรก์) ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา เกิดข้อผิดพลาด ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการ Windows ขัดข้องนั้น ดีอี ได้ดำเนินการดังนี้

  1.  ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบว่ากรณีดังกล่าว มีผลกระทบต่อ เครือข่ายโทรคมนาคม โทรศัพท์เคลื่อนที่-อินเทอร์เน็ต รวมทั้ง ระบบสื่อสารและการเดินอากาศของบริษัท วิทยุการบิน
  2. ดีอี ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง อย่างใกล้ชิด พบว่ามีผลกระทบกับบางระบบงานในไทยบ้าง ซึ่งอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูล ทั้งนี้ กรณีที่ได้รับการแจ้ง ทาง สกมช. พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างทันที 
  3. สกมช. ได้มีคำแนะนำ สำหรับหน่วยงานรัฐและเอกชน ที่ได้รับผลกระทบ วิธีการแก้ไขในเบื้องต้นดังนี้ 

ขั้นตอนที่ควรทำหากยังประสบปัญหาการ Reboot ซ้ำๆ

  • บูตเข้าสู่ Safe Mode (ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการของ CrowdStrike) ขั้นตอนต่อไปนี้ทำได้ทุกกรณี แม้ว่าระบบจะไม่มี local admin account ในเครื่องและไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ให้ระบบบูตและ crash สามครั้ง ซึ่งจะทำให้เมนูปรากฏ
  • คลิก Troubleshoot
  • คลิก Advanced Options
  • คลิก Command Prompt
  • หากเป็นระบบที่ใช้การป้องกันด้วย BitLocker จะต้องป้อนรหัสการกู้คืน BitLocker ของหน่วยงานนั้น
  • หาก BitLocker ถูกจัดการผ่าน Microsoft Intune สามารถค้นข้อมูลได้ที่ https://myaccount.microsoft.com ภายใต้เมนู "device" ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้จับคู่ชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์และ ID ของคีย์
     
  • หากไม่สามารถค้นหาข้อมูลใน Microsoft Intune ได้ให้ติดต่อเพื่อขอรับ Recovery Key BitLocker จากผู้ดูแลระบบ IT ของหน่วยงาน
  • ในหน้าต่าง Command Prompt ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ ตามด้วยปุ่ม Enter:
  • คำเตือน: Command Prompt  เริ่มต้นที่ไดรฟ์ X:\ กรุณาอย่าลืมเปลี่ยนเป็น c:\ โดยพิมพ์คำสั่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง
  • c:
  • cd windows
  • cd system32
  • cd drivers
  • cd crowdstrike
  • del C-00000291*
  • exit
  • คลิก continue to Windows

ขั้นตอนสำหรับผู้ใช้งานระบบ Cloud สาธารณะหรือคล้ายคลึง รวมถึง Virtual Machines

ตัวเลือกที่ 1:

  • Detach Volume disk ระบบปฏิบัติการออกจาก virtual server ที่ได้รับผลกระทบ
  • Create a snapshot or backup of the disk volume ก่อนดำเนินการต่อไปเพื่อเป็นการป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ตั้งใจ
  • Attach/mount volume กับ virtual server ใหม่
  • ไปที่ไดเรกทอรี C:\Windows\System32\drivers\CrowdStrike
  • ค้นหาไฟล์ที่ตรงกับ “C-00000291*.sys” และลบมันออก
  • Detach volume ออกจาก virtual server ใหม่
  • Reattach volume ที่ได้รับการแก้ไขกลับไปยัง virtual server ที่ได้รับผลกระทบ

ตัวเลือกที่ 2:

  • ย้อนกลับไป snapshot ก่อนเวลา 04:09 UTC

ขั้นตอนสำหรับ Azure ผ่านทางซีเรียลเพื่อเข้าสู่ Safe Mode

  • เข้าสู่ระบบคอนโซล Azure --> ไปที่ Virtual Machines --> Select the VM
  • ด้านซ้ายบนของคอนโซล --> คลิก: "Connect" --> คลิก --> Connect --> คลิก "More ways to Connect" --> คลิก: "Serial Console"
  • เมื่อ SAC โหลดแล้ว ให้พิมพ์ 'cmd' และกด Enter
  • พิมพ์คำสั่ง 'cmd'
  • พิมพ์: ch -si 1
  • กดปุ่มใดก็ได้ (หรือกดแป้น space bar) ใส่ Credential ของผู้ดูแลระบบ
  • ป้อนคำสั่งดังนี้:
  • bcdedit /set {current} safeboot minimal
  • bcdedit /set {current} safeboot network
  • Restart VM
  • ตัวเลือกเพิ่มเติม: วิธีตรวจสอบสถานะการบูต รันคำสั่ง:
  • wmic COMPUTERSYSTEM GET BootupState

ข้อมูลเพิ่มเติม
- การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะไม่ทำให้ความปลอดภัยลดลง โดยหลังจากทำตามขั้นตอนข้างต้น CrowdStrike จะกลับมาทำงานตามปกติในระบบและระบบยังคงได้รับการป้องกัน
- CrowdStrike ได้ระบุสาเหตุของการอัปเดตที่ผิดพลาดว่าเป็นข้อบกพร่องในการอัปเดตเนื้อหา 
(content update) ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์
- หากระบบได้รับการบูตแล้วและกลับมาออนไลน์ ไม่มีความจำเป็นต้องถอดถอน CrowdStrike 
อ้างอิงจาก https://www.eye.security/blog/crowdstrike-falcon-blue-screen-issue-updates

“กระทรวง ดีอี มีความห่วงใยประชาชน โดยจะร่วมกับ สกมช. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมหารือแนวทางและมาตรการรับมือ หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน” รมว.ประเสริฐ กล่าว