วันที่ 9 เมษายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค.ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงว่า ในที่ประชุมนายกฯ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เสียสละทำงานด้านนี้ โดยสั่งให้มีการดูแลขวัญกำลังใจอย่างดีเพราะทุกคนทำงานมีความเสี่ยง ส่วนเรื่องการประกาศเคอร์ฟิวนั้น นายกฯจะยังไม่มีการปรับขยายเวลาเคอร์ฟิวแต่อย่างใด ยังกำหนดอยู่ที่ 22.00 น.-04.00 น.
“แต่ขอให้ประชาชนร่วมมือปฏิบัติตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย สำหรับเรื่องการผ่อนปรนบางกลุ่มนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำลังรวบรวมเพื่อพิจารณายกเว้นในบางอาชีพ และขออนุมัติอย่างเป็นกลุ่มก้อนต่อไป”นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายว่าในการประกาศเคอร์ฟิว ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 ที่พลเอกประยุทธ์ ลงนามใน ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. และยกเว้นอาชีพดังนี้ ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนําเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชน ไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทํางานผลัดกลางคืนตามปกติ การเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกําหนด ประกาศ หรือคําสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ มีเหตุจําเป็นอื่น ๆ โดยได้รับ อนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องมีเอกสารรับรองความจําเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับ สินค้าหรือการเดินทาง มีมาตรการป้องกันโรค หากผู้ใดฝ่าฝืน โทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ*