ศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากำลังจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ แต่ดูเหมือนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะพบกับอุปสรรคในการรักษาตำแหน่งมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกเหนือจากเศรษฐกิจที่ดำดิ่งเพราะผลกระทบจากโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ที่กัดกร่อนผลประกอบการของภาคเอกชนและกดดันการใช้ชีวิตของผู้คนแล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังพบโจทย์ใหม่ที่มีศิลปินคนดังอย่าง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
การชุมนุมประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของผู้ถือกฎหมายเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ประเด็นการเหยียดเชื้อชาติกลับมารัดคอทรัมป์อีกครั้ง
การตายของจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งคลิปบันทึกเหตุการณ์การเสียชีวิตของเขาถูกเผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ และนำไปสู่การจลาจลในเมืองมินนิอาโปลิส ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ และกำลังลุกลามไปในอีกหลายมลรัฐในเวลานี้ ทำให้ “ทรัมป์” ออกมาโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์แสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ แต่ก็ไม่วายให้ท้ายตำรวจว่า ถ้ามีการปล้นสะดมร้านรวง ก็ให้ตำรวจยิงได้เลย การแสดงออกของทรัมป์ทำให้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ประกาศลั่นบนทวิตเตอร์ว่า จะลงคะแนนเลือกตั้งเฉดทรัมป์ให้หลุดจากตำแหน่งในเดือนพ.ย.นี้
อ่าน เทย์เลอร์ สวิฟต์ ทวีตเดือด ขู่โหวตไล่ “ทรัมป์” พ้นตำแหน่งพ.ย.นี้
การทวีตของเทย์เลอร์ นักร้องสาวเจ้าของรางวัลแกรมมี 10 รางวัล และรางวัลเกียรติยศอื่น ๆ อีกมากมายได้รับการกดถูกใจ (ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์รูปหัวใจ) โดยบรรดาผู้ใช้ทวิตเตอร์กว่า 1.6 ล้านคนภายในเวลาเพียง 16 ชั่วโมง พร้อมการกระหน่ำแสดงความเห็น 83,400 ข้อความ และรีทวีตถึง 362,000 ครั้ง ทรัมป์ตกเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงอีกครั้งจากพฤติกรรมการทวีตอย่างโฉ่งฉ่างของเขาเอง กระแสการตอบรับของผู้คนที่ออกมาแสดงอาการ “ถูกใจ” กับความเห็นของเทย์เลอร์บนทวิตเตอร์ พอจะบ่งบอกได้ว่า งานนี้ทรัมป์งานเข้าอีก และอยู่ในสถานะเพลี่ยงพล้ำ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า แต่ไหนแต่ไรมา “เทย์เลอร์ สวิฟต์” พยายามหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นและจุดยืนทางการเมือง เพราะอาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออาชีพการงานในฐานะศิลปินของเธอ แต่เทย์เลอร์ก็เปลี่ยนท่าทีหันมาแสดงออกทางการเมืองอย่างชัดเจนในปี 2561 เมื่อคราวที่สหรัฐกำลังมีการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งครั้งนั้นเทย์เลอร์ประกาศสนับสนุนนายจิม คูเปอร์ ผู้สมัครส.ส. และนายฟิล เบเดเซน ผู้สมัครส.ว. จากพรรคเดโมแครต (ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน) นอกจากนี้ เธอยังออกมาแสดงทรรศนะไม่เห็นด้วยกับท่าทีของนางมาร์ชา แบล๊คเบิร์น จากพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์ ต่อกรณีที่แบล๊คเบิร์นมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการจ่ายค่าแรงอย่างเป็นธรรมให้กับสตรี อีกทั้งยังคัดค้านการนำกฎหมายต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงกลับมาใช้ใหม่ นี่เป็นเพียงตัวอย่างการแสดงจุดยืนทางการเมืองของเทย์เลอร์
แม้แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเคยออกมายอมรับผ่านสื่อว่า ท่าทีของเทย์เลอร์ สวิฟต์ทำให้เขาชอบเพลงของเธอ “น้อยลง 25%” แต่หลังจากเหตุการณ์ตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์ครั้งล่าสุดนี้ เชื่อว่าทรัมป์อาจจะไม่เหลือความชื่นชอบในเพลงของเธออีกเลยก็เป็นได้
เทย์เลอร์ แอลิสัน สวิฟต์ หรือที่แฟนเพลงทั่วโลกรู้จักในนาม “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เธอเติบโตจากแนวเพลงคันทรีโดยได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงบิกแมชีนเรคคอร์ดส์ตั้งแต่อายุ 14 ปี และเป็นนักแต่งเพลงที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทโซนี/เอทีวีมิวสิกพับบลิชชิง อัลบั้มแรกของสวิฟต์ใช้ชื่อของเธอเอง วางจำหน่ายในปี 2549 อัลบั้มเปิดตัวที่อันดับ5 ในชาร์ตบิลบอร์ด 200 และอยู่ในชาร์ตได้นานที่สุดในทศวรรษ 2000
ซิงเกิลที่สาม "Our Song" ทำให้เธอเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่แต่งเพลงด้วยตนเองและเพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอตเพลงคันทรี อัลบั้มที่สอง Fearless ออกจำหน่ายในปี 2551 หลังจากสามารถติดชาร์ตเพลงป็อป (pop crossover) ได้สำเร็จ ซิงเกิล "Love Story" และ "You Belong with Me" ทำให้อัลบั้มนี้ขึ้นแท่นเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐในปี 2552 อัลบั้มชนะรางวัลแกรมมี 4 รางวัล และสวิฟต์กลายเป็นนักร้องที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลแกรมมีสาขาอัลบั้มเพลงแห่งปี
เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นหนึ่งในศิลปินนักดนตรีที่ขายดีที่สุดตลอดกาล เธอขายอัลบั้มได้มากกว่า 40 ล้านอัลบั้ม (เป็นยอดขายในสหรัฐ 27.8 ล้านอัลบั้ม) และยอดดาวน์โหลดซิงเกิล 130 ล้านซิงเกิล ในฐานะนักแต่งเพลง เธอได้รับเกียรติจากสมาคมนักแต่งเพลงแนชวิลล์ และหอเกียรติยศนักแต่งเพลง และถูกรวมอยู่ในรายชื่อนักแต่งเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาล จัดอันดับโดยนิตยสารโรลลิงสโตนเมื่อปี 2558
ศิลปินสาวยอดฝีมือคนนี้ เป็นเจ้าของรางวัลแกรมมี 10 รางวัล รางวัลเอมมีอะวอร์ดส์ 1 รางวัล รางวัลบิลบอร์ดมิวสิกอะวอร์ดส์ 23 รางวัล รางวัลสมาคมเพลงคันทรี 12 รางวัล และได้รับการบันทึกในสถิติโลกกินเนสส์ 6 รายการ เธออยู่ในรายชื่อ "ผู้หญิง 100 คนที่มีอิทธิพลที่สุด" จัดโดยนิตยสารไทม์ (ปี 2553 และปี 2558) หนึ่งในผู้หญิงที่มีรายได้มากที่สุด" (ปี 2554-2558) "ผู้หญิง 100 คนที่มีอิทธิพลที่สุด" จัดโดยนิตยสารฟอร์บส์ (2558) และในทำเนียบคนดัง 100 คนของฟอร์บส์ (ปี 2559) เธอเป็นผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุด และถูกจัดอยู่ในอันดับที่1
After stoking the fires of white supremacy and racism your entire presidency, you have the nerve to feign moral superiority before threatening violence? ‘When the looting starts the shooting starts’??? We will vote you out in November. @realdonaldtrump
— Taylor Swift (@taylorswift13) May 29, 2020
After stoking the fires of white supremacy and racism your entire presidency, you have the nerve to feign moral superiority before threatening violence? ‘When the looting starts the shooting starts’??? We will vote you out in November. @realdonaldtrump
— Taylor Swift (@taylorswift13) May 29, 2020
After stoking the fires of white supremacy and racism your entire presidency, you have the nerve to feign moral superiority before threatening violence? ‘When the looting starts the shooting starts’??? We will vote you out in November. @realdonaldtrump
— Taylor Swift (@taylorswift13) May 29, 2020