วันนี้( 28 ก.ค.63) “นาจิบ ราซัค" อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 67 ปี ถูกศาลสูงในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาแรก ฐานใช้อำนาจในทางมิชอบ ยักยอกเงินจำนวน 42 ล้านริงกิต หรือประมาณ 440 ล้านบาท จากกองทุน“เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล” ไปเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว ระหว่างเดือนธันวาคม 2557 และกุมภาพันธ์ 2558 เมื่อครั้งที่เขายังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยกองทุน "เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล " เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนวันเอ็มดีบี (1MDB ) ปัจจุบันกองทุนนี้ไม่มีอยู่แล้ว
นับเป็นครั้งแรกที่ นาจิบ ราซัค ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งมโหฬารในการยักยอกเงินของกองทุน วันเอ็มดีบี “1MDB” ของมาเลเซีย เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าบัญชีส่วนตัวของเขาเอง จากกองทุนวันเอ็มดีบี ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมด 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ นาจิบ ราซัค ถูกตั้งข้อหาทางอาญาทั้งหมด 5 คดี 42 กระทง ในความผิดฐานการทุจริตคอร์รัปชั่น , การใช้อำนาจในทางมิชอบ และการฟอกเงิน
สำหรับการตัดสินความผิดในวันนี้ เป็นเพียง 1 กระทงจากทั้งหมด 42 กระทงเท่านั้น แต่ความผิดเพียงกระทงเดียวก็ทำให้ นาจิบ ราซัค อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 15-20 ปีได้
ข่าวเกี่ยวข้อง
"นาจิบ" อดีตนายกมาเลเซีย ถูกศาลสั่งเก็บภาษีย้อนหลังกว่าหมื่นลบ.
ทั้งนี้ กองทุนวันเอ็มดีบี เป็นของรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่ง นาจิบ ราซัค เป็นผู้ร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2552 และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาให้กับกองทุนนี้อีกด้วย โดยหลังจากนีี้ ศาลมาเลเซียจะมีคำตัดสินคดีของ นาจิบ ราซัค ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตามมาอีกหลายคดีนับจากนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี นายนาจิบ ราซัค ปฏิเสธตลอดมาว่าเขาไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และจะอุทธรณ์คำตัดสินของศาล