วิกฤตโรงหนัง!  “Cineworld” จ่อปลด 45,000 ตำแหน่ง

06 ต.ค. 2563 | 02:27 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2563 | 09:41 น.

“ซีนีเวิลด์” (Cineworld) เครือข่ายโรงภาพยนตร์เบอร์ 2 ของโลก ประกาศเตรียมปิดชั่วคราวโรงภาพยนตร์ทั้งหมดที่อยู่ในเครือ ทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้คาดว่าจะส่งผลให้มีการปลดพนักงานมากถึง 45,000 ตำแหน่ง

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า การประกาศปิดชั่วคราวโรงภาพยนตร์ของซีนีเวิลด์ (CineWorld) หลายร้อยแห่งในครั้งนี้ ทำให้ราคาหุ้นของซีนีเวิลด์ดำดิ่งทันที 36% เมื่อวานนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาหุ้นของบริษัทที่เคยทำสถิติต่ำเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. เมื่อรัฐบาลอังกฤษเริ่มประกาศใช้มาตรการปิดเมือง ปิดสถานบันเทิง และสถานบริการต่าง ๆ ทั่วประเทศ (ล็อกดาวน์) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 และหากจะเทียบกับราคาหุ้นของบริษัทเมื่อต้นปีตอนที่ยังไม่เกิดวิกฤตโควิด-19 หุ้นของซีนีเวิลด์ในขณะนี้ ร่วงลงมาแล้ว 90%   

วิกฤตโรงหนัง!  “Cineworld” จ่อปลด 45,000 ตำแหน่ง

ซีนีเวิลด์ (Cineworld) ซึ่งเป็นบริษัทในธุรกิจโรงภาพยนตร์ของอังกฤษ และเป็นเครือข่ายโรงภาพยนตร์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แถลงวานนี้ (5 ต.ค.) ว่า ทางบริษัทจะปิดโรงภาพยนตร์ทั้งหมดในอังกฤษซึ่งมีจำนวน 127 แห่งภายใต้ชื่อ “ซีนีเวิลด์” (Cineworld) และ “พิคเจอร์เฮาส์” (Picturehouse) รวมทั้งในสหรัฐอเมริกาซึ่งเปิดดำเนินการภายใต้ชื่อ รีกัล (Regal) จำนวนทั้งหมด 536 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานพนักงานจำนวนทั้งสิ้น 45,000 คน 

 

อย่างไรก็ดี นายมูกี กรายลิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซีนีเวิลด์กล่าวว่า บริษัทจะปิดโรงภาพยนตร์ดังกล่าวเพียงชั่วคราว และจะกลับมาเปิดใหม่ในอีก 2 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“เจมส์ บอนด์” กลัวโควิด-19 ประกาศเลื่อนฉายอีกรอบ!

แก้วิกฤตคอหนังหาย เมเจอร์หั่นที่นั่ง “แถวเว้นแถว”

โรงภาพยนตร์ ความบันเทิงที่รอคลายล็อก

 

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปิดโรงภาพยนตร์จำนวนมาก ขณะที่การผลิตภาพยนตร์ และการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องใหม่ก็ต้องถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด

วิกฤตโรงหนัง!  “Cineworld” จ่อปลด 45,000 ตำแหน่ง

รายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นในอังกฤษระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ทางการอังกฤษต้องประกาศใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดและประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อเดือนมี.ค. ทำให้ซีนีเวิลด์และผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รวมทั้งสถานบันเทิงอื่น ๆในอังกฤษ ต้องปิดบริการเป็นเวลาหลายเดือน ในส่วนของโรงภาพยนตร์เพิ่งจะมาเปิดบริการอีกครั้งเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่ผลประกอบการก็ยังย่ำแย่ บริษัทเองประสบภาวะขาดทุนรุนแรง และยังมาถูกซ้ำเติมจากการเลื่อนเข้าฉายของภาพยนตร์ใหม่ ๆ โดยกรณีล่าสุดเป็นการเลื่อนฉายภาพยนตร์ No Time to Die ซึ่งเป็นตอนใหม่ล่าสุดของภาพยนตร์เจมส์บอนด์ ที่เดิมมีกำหนดเข้าฉายในเดือนพ.ย.นี้ แต่ในที่สุดบริษัทผู้สร้าง เลื่อนการเข้าฉายไปเป็นเดือนเม.ย.ปีหน้า (2564) ทำให้โรงภาพยนตร์ขาดแคลนหนังใหม่ซึ่งเป็นแม่เหล็กในการโกยรายได้เข้าฉาย  

 

ผู้บริหารของซีนีเวิลด์ยอมรับว่า การตัดสินใจปิดชั่วคราวโรงภาพยนตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเครือไม่ใช่การตัดสินใจที่ทำได้ง่าย ๆ แต่บริษัทใคร่ครวญไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว และเท่าที่ผ่านมา หลังจากที่โรงภาพยนตร์ของซีนีเวิลด์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงต้นเดือนก.ค.หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการเว้นระยะห่าง และสร้างสุขอนามัยในโรงภาพยนตร์มาโดยตลอด ทำให้จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการเข้ามาชมภาพยนตร์ในเครือของบริษัท ซึ่งนั่นเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท

วิกฤตโรงหนัง!  “Cineworld” จ่อปลด 45,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม การที่ผู้สร้างภาพยนตร์ไม่สามารถป้อนภาพยนตร์ใหม่เข้าฉายได้ตามปกติประกอบกับสถานะทางด้านรายได้ ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปิดชั่วคราวโรงภาพยนตร์ทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่  เดอะ การ์เดี้ยน สื่อใหญ่ของอังกฤษรายงานว่า การปิดโรงภาพยนตร์ระหว่างช่วงกลางเดือนมี.ค.ถึงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มซีนีเวิลด์สูญเสียรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกไปแล้ว 1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 2 ใน 3 เหลือรายได้เพียง 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ทั้งนี้ บริษัทยังมีโรงภาพยนตร์ในยุโรปตะวันออกจำนวน 113 แห่งที่ยังเปิดให้บริการอยู่ แต่มี 11 แห่งในอิสราเอลที่ปิดชั่วคราวแล้วด้วยเนื่องจากอิสราเอลกำลังประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศรอบสอง