ประวัติชีวิต “โจ ไบเดน”(Joe Biden) ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา

06 พ.ย. 2563 | 03:25 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2563 | 10:49 น.

เปิดประวัติ "โจ ไบเดน" หรือ โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46

โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์ (Joseph Robinette Biden, Jr.) หรือ “โจ ไบเดน” ที่ผู้คนส่วนใหญ่คุ้นเคยในชื่อนี้ เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน สังกัดพรรคเดโมแครต เขาเคยดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 ในสมัยของประธานาธิบดีบารัก โอบามา นอกจากนี้ ยังเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์ถึง 7 สมัยติดต่อกัน ระหว่างปี พ.ศ. 2515 -2552

โจ ไบเดน รูปลักษณ์อาจเปลี่ยนไปตามวัย แต่รอยยิ้มยังเหมือนเดิม

ไบเดนเกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2485 (ค.ศ. 1942) ที่เมืองสแครนตัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน ความขัดสนยากจนในวัยเด็กทำให้ชีวิตของโจ ไบเดน มากด้วยปัญหาและความท้าทาย ต้องกัดตีนถีบทำงานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หาเงิน แต่ความยากลำบากก็หล่อหลอมให้เขามีความอดทน และมุมานะเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เขาสนใจการเมืองตั้งแต่เด็กโดยมีจอห์น เอฟ. เคนเนดี และริชาร์ด นิกสัน เป็นบุคคลต้นแบบ ไบเดนตัดสินใจเลือกเรียนทางด้านกฎหมาย และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์จนสำเร็จการศึกษา ก่อนจะเริ่มการทำงานเป็นทนายความ 

ไบเดนประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513 การได้ทำงานคลุกคลีกับปัญหาของผู้คนที่เป็นลูกความ ทำให้โจ ไบเดน ยิ่งมุ่งมั่นสนใจงานการเมือง และนับตั้งแต่ปี 2515 เป็นต้นมา เขาก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสภาชิกวุฒิสภาของรัฐเดลาแวร์ โดยเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ

 

นอกจากนี้ เขายังสามารถครองตำแหน่งยาวนานถึง 36 ปี โดยนับจากเข้ารับตำแหน่งวุฒิสมาชิกครั้งแรกในปี 2515 จากนั้นมา เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ครองตำแหน่งได้ยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

ไบเดนเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนานจนได้เป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ศิลปะการเจรจาของเขาเคยนำมาซึ่งความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐและการเข้าแทรกแซงในสงครามบอสเนีย เขาออกเสียงสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสงครามอิรัก แต่ต่อมาได้ประกาศจุดยืนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว นอกจากนั้น ไบเดนยังได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรมสำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย โดยมีบทบาทสำคัญในประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติด อาชญากรรม การป้องกันภัย และสิทธิพลเมือง ทั้งยังเป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับ และกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี

สมัยเป็นรองประธานาธิบดี

ไบเดนเคยลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้ง 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือกไบเดนเป็นคู่หู ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2551 ซึ่งทั้งคู่ประสบความสำเร็จ

ไบเดนประกาศที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในพ.ศ. 2563 โดยเขาเลือกคามาลา แฮร์ริส นักกฎหมายและสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้ง เสริมทีมเลือกตั้งให้แข็งแกร่งเพราะคามาลาเป็นนักการเมืองสตรีผิวสีที่มากความสามารถและเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โจ ไบเดน และคามาลา แฮร์ริส

ในวันที่ 20 พ.ย. ปีนี้ โจ ไบเดน จะมีอายุครบ 78 ปี และถ้าหากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ คนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา เขาก็จะได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐว่า เป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดขณะเข้ารับตำแหน่ง ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาเป็นหลักประกันยืนยันได้ว่า พร้อม ๆกับตัวเลขอายุที่สูงขึ้นนั้น อุปสรรคชีวิตที่ผ่านมามากมาย ทำให้โจ ไบเดน มีมุมมองที่สุขุม แข็งแกร่ง และไม่เคยย่อท้อให้กับอุปสรรคใด ๆที่ขวางหน้า  

โจ กับ จิลล์ และสุนัขตัวโปรด

สำหรับชีวิตครอบครัว โจ ไบเดน เคยมีประวัติที่เจ็บปวดในการต้องสูญเสียทั้งภรรยาและบุตรสาวในอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนวันคริสต์มาสปี 2515 เพียง 1 สัปดาห์ เขามีบุตร 3 คนจากการสมรสครั้งแรก คือ โบ (เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง)  ฮันเตอร์ และเอมิลี (เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์) 5 ปีต่อมาเขา พบรักและแต่งงานอีกครั้งในปี 2520 กับ “จิลล์” ครูสาวที่เข้ามาเติมเต็มชีวิต ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน