บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ จะต้อนรับ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ด้วยการ ทดสอบยิงขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่นายไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีหน้า (2564) เช่นเดียวกับที่เคยทำมาแล้วเมื่อครั้งที่อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในปี 2552 และปี 2560 ตามลำดับ
"ไม่ว่าใครจะเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีก็ตาม เกาหลีเหนือก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือยุทธศาสตร์ที่มีต่อสหรัฐอเมริกา ขีปนาวุธกลายเป็น 'วิถีปฏิบัติ' ที่คิม จอง อึน จะยังคงสร้างและนำมาใช้ข่มขู่ กลยุทธ์นี้พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลมาเป็นสิบๆ ปี และในเมื่อมันยังใช้ได้ผล จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเปลี่ยน" นายซู คิม นักวิเคราะห์นโยบายจากองค์กรวิจัย Rand Corp ซึ่งเคยทำงานให้กับสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) แสดงความเห็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชัวร์หรือไม่ ใช่หรือมั่ว? นักวิเคราะห์ติงอย่าเพิ่งเชื่อข่าวลือ “คิมโคม่า”
ไทม์ไลน์การล่องหนปริศนาของ “คิม จอง อึน”
“คิม โย จอง” น้องสาว “คิม จอง อึน”
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคาดว่า ขีปนาวุธที่นายคิม จอง อึน น่าจะใช้ทดสอบยิงเพื่อทักทายนายโจ ไบเดนก็คือ ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งอาจมีการใช้จรวดชนิดใหม่ที่เกาหลีเหนือเคยนำมาแสดงในพิธีสวนสนามเมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา โดยขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการออกแบบให้สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้หลายหัวเพื่อให้สามารถยิงได้ไกลถึงสหรัฐอเมริกา
ทางด้านเมลิซซา แฮนแฮม ผู้เชี่ยวชาญอาวุธด้านนิวเคลียร์และรองผู้อำนวยการเครือข่าย Open Nuclear Network ระบุว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องทดสอบยิงขีปนาวุธชนิดใหม่เพื่อแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าตนเองก็ทำได้ และมีโอกาสที่เกาหลีเหนือจะทำเช่นนั้นเมื่อพร้อม ซึ่งตอนนี้รอเพียงแค่ให้ขีปนาวุธข้ามทวีปมีความแม่นยำพอที่จะขัดขวางสหรัฐได้
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงจรวดพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์เมื่อครั้งที่นายบารัก โอบามา เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐได้เพียงไม่กี่เดือนในปี 2552 ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้รับการต้อนรับสู่ทำเนียบขาวด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธหลายชุด จนนำไปสู่การยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในเดือนพ.ย. 2560 ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวในขณะนั้นว่า เกาหลีเหนืออาจถึงขั้นยิงหัวรบนิวเคลียร์ไปยังสหรัฐก็เป็นได้