สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อค่ำวานนี้ (9 เม.ย.) ว่า นาง คริสติน สคราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษด้านเมียนมาของ สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านี้เธอคาดหมายว่าจะได้เปิดฉากหารือกับบรรดาตัวแทนของ กองทัพเมียนมา เกี่ยวกับ สถานการณ์รัฐประหารและความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมา แต่เพิ่งได้รับแจ้งจากกองทัพเมียนมาเช่นกันว่า พวกเขาไม่พร้อมที่จะให้การต้อนรับเธอในตอนนี้ ซึ่งหมายความว่า เมียนมาปฏิเสธไม่ให้คณะของทูตพิเศษยูเอ็นเดินทางเข้าประเทศ
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า นางบูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษด้านกิจการเมียนมาประจำยูเอ็น จะเดินทางเยือนประเทศในเอเชีย เพื่อหารือถึงแนวทางคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตในเมียนมา โดยรายงานข่าวระบุว่า นางบูร์เกเนอร์จะเดินทางเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกเพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล และมีแผนเดินทางไปจีน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างแน่ชัด ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่า นางบูร์เกเนอร์ต้องการที่จะพูดคุยตัวต่อตัวกับผู้นำเมียนมา แต่ได้รับการปฏิเสธจากอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว
“การตอบสนองของประชาคมโลกต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นในเมียนมา ยังต้องอาศัยความเป็นเอกภาพในภูมิภาคจากประเทศที่เป็นเพื่อนบ้าน ซึ่งสามารถใช้อิทธิพลที่มีอยู่นำพาไปสู่เสถียรภาพในเมียนมาได้” นางบูร์เกเนอร์กล่าว
ขณะเดียวกันเธอได้เปิดเผยบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า รู้สึกเสียใจที่กองทัพเมียนมาตอบกลับมาว่า พวกเขาไม่พร้อมจะต้อนรับคณะของเธอ ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธมิให้คณะของเธอเดินทางเข้าประเทศเมียนมา
นับตั้งแต่มีการรัฐประหารในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ การปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารทำให้พลเรือนเมียนมาเสียชีวิตแล้วกว่า 600 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กจำนวนมากกว่า 40 ราย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวานนี้ ( 9 เม.ย.) รัฐบาลทหารเมียนมาได้เปิดเผยกรอบเวลาการคืนอำนาจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่มีการก่อรัฐประหาร โดยพลจัตวา ซอ มิน ทุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ออกแถลงการณ์ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงว่า รัฐบาลทหารจะจัดการเลือกตั้งภายในเวลา 2 ปีนับจากนี้ แล้วจะส่งมอบอำนาจคืนให้แก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงต่างๆ และธนาคารจะกลับมาปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้
“การประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาลดน้อยลงแล้ว เหตุผลมาจากความร่วมมือของประชาชนที่ต้องการสันติภาพ ซึ่งเราให้ความสำคัญ เราขอร้องให้ประชาชนร่วมมือกับกองกำลังความมั่นคงและช่วยพวกเขา" โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมากล่าว ทั้งยังให้ข้อมูลว่า กองทัพบันทึกข้อมูลการเสียชีวิตได้ 248 ราย เท่านั้น ไม่ใช่กว่า 600 รายอย่างที่เป็นข่าว พร้อมกันนี้ กองทัพเองก็สูญเสีย เพราะมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตถึง 16 นายด้วยกัน
โฆษกกองทัพเมียนมายังระบุด้วยว่า สมาชิกของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของนางอองซาน ซูจี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวางเพลิง และยังอ้างด้วยว่าการจัดชุมนุมประท้วงได้รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ แต่เขาไม่เปิดเผยรายละเอียดในเรื่องนี้
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงพยานและสื่อท้องถิ่นว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 เม.ย.) มีผู้ประท้วงโดนกองกำลังความมั่นคงฆ่าตายอีกอย่างน้อย 4 รายที่เมืองพะโค ขณะที่สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) ออกมาเปิดเผยว่า มีพลเรือนตายไปแล้วอย่างน้อย 614 ราย ในจำนวนนี้ 48 รายเป็นเด็กและเยาวชน และยังมีผู้ถูกควบคุมตัวอีกมากกว่า 2,800 ราย
วันเดียวกันนี้ เอกอัครราชทูต 18 ประเทศประจำเมียนมา ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สหภาพยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายชาติในยุโรป ยังได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เรียกร้องให้รัฐบาลทหาร ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังทั้งหมดและรื้อฟื้นประชาธิปไตยในเมียนมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เมียนมา’แรง ธุรกิจไทยอัมพาต ต่างชาติถอนลงทุน
อาเซียนเรียกร้องปล่อยตัวนางซูจี-คืนประชาธิปไตยสู่เมียนมา
“โดนแล้ว”สินค้ากองทัพเมียนมา ห้าง-ร้านค้าถอดจากชั้นจำหน่าย
"ดอน" ย้ำกดดันอย่างเดียวไม่ช่วยอะไร แนะ“ถอยคนละก้าว” สู่สันติภาพเมียนมา