นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ขอให้ กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ที่สุด ของประเทศให้ความช่วยเหลือในการลดจำนวนผู้เดินทางในระบบขนส่งมวลชน โดยขอให้บรรดาพนักงานบริษัทหันมาทำงานจากที่บ้าน (Work from Home : WFH) ให้มากขึ้น หลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศญี่ปุ่นแบกรับภาระหนักหน่วง และไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่ได้มากไปกว่าที่เป็นอยู่ ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหนัก
นายซูงะได้เข้าพบกับนายมาซาคาสึ โทคุระ ประธานสหพันธ์ธุรกิจแห่งญี่ปุ่น (Keidanren) ที่สำนักงานในกรุงโตเกียว โดยนายซูงะกล่าวว่า การทำงานทางไกลเป็นมาตรการควบคุมโรคระบาดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางภาคธุรกิจ แต่เขาเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็อยากจะขอความร่วมมือ
ด้านนายโทคุระกล่าวว่า เขาเองจะถ่ายทอดคำขอของรัฐบาลที่เสนอให้ลดจำนวนผู้เดินทางลง 70% ให้สมาชิกของสหพันธ์ธุรกิจแห่งญี่ปุ่น (Keidanren) ได้รับทราบ
สื่อรายงานว่า การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงเหนือความคาดหมายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า นับจนถึงเมื่อวันอังคาร (17 ส.ค.) ยอดผู้ป่วยที่มีอาการหนักเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,716 ราย หรือเพิ่มขึ้น 70% จากเมื่อวันจันทร์ (16 ส.ค.) และยังคงทำสถิติต่อเนื่องเป็นวันที่ 6
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จากสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจขยายประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและอีก 5 จังหวัดไปจนถึงวันที่ 12 ก.ย. 2564 พร้อมทั้งประกาศขยายมาตรการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่เพิ่มอีก 7 จังหวัดซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน โดยทั้ง 7 จังหวัดจะเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินเต็มรูปแบบในวันศุกร์ที่ 20 ส.ค. นี้ และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ก.ย.เช่นกัน