สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ จัดสรรงบประมาณ 8.415 แสนล้านเยน เพื่อจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมและส่งเสริมการฉีดวัคซีน ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังรับมือกับ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ที่สามารถแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วมากขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิม
นายทาโร่ อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นแถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 2.352 แสนล้านเยนเพื่อจัดซื้อยา คาซิริวิแมบ (Casirivimab) และ อิมเดวิแมบ (Imdevimab) เพื่อฉีดให้แก่ผู้ป่วยโควิดผ่านทางหลอดเลือดในการรักษาโดยใช้ยาแอนติบอดีแบบผสมหรือแอนติบอดีค็อกเทล (Antibody cocktail) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิต
มาตรการด้านงบประมาณนี้ มีขึ้น 2 วันหลังจากนายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจะเร่งดำเนินการตอบสนองต่อประเด็นเร่งด่วน เช่น การจัดหาวัคซีนและยาให้เพียงพอสำหรับการรักษาด้วยวิธีแอนติบอดีค็อกเทล โดยการนำเงินทุนสำรองมาใช้เพื่อการนี้
นายซูงะยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นซึ่งดำเนินการฉีดวัคซีนล่าช้าเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายประเทศ ได้ตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนที่มีสิทธิ์ได้ก่อนกำหนดในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.นี้
สำหรับสถานการณ์โควิดล่าสุดในญี่ปุ่นนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งประกาศขยายภาวะฉุกเฉินเพิ่มเติมจากเดิมที่บังคับใช้กับกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่น ๆ อีก 12 เขต ให้มีผลครอบคลุมเพิ่มเติมอีก 8 จังหวัด เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนัก
โดย 8 จังหวัดดังกล่าวได้แก่ ฮอกไกโด ,มิยากิ, กิฟุ ,ไอจิ , มิเอะ, ชิกะ ,โอกายามะ และฮิโรชิมะ เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ (27 ส.ค.) ไปจนถึง 12 ก.ย. ซึ่งภายใต้ภาวะฉุกเฉินนั้น ร้านอาหารจะงดเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์-งดให้บริการคาราโอเกะ และต้องปิดร้านก่อน 20.00 น. ส่วนห้างสรรพสินค้าแม้สามารถเปิดให้บริการ แต่ก็ต้องจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการอย่างเคร่งครัด