‘กรุงเทพฯ’ ครองแชมป์เบอร์หนึ่ง สุดยอดเมือง Workation ระดับโลก  

01 ก.ย. 2564 | 01:20 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ย. 2564 | 10:45 น.

กรุงเทพฯ คว้าตำแหน่งเมืองอันดับ 1 ครองใจชาวต่างชาติเมื่อถามถึง “จุดหมายปลายทาง”ที่พวกเขาชื่นชอบมากที่สุดเมื่อต้องทำงานไปด้วยขณะเดินทางพักผ่อนวันหยุด ที่เรียกว่ากระแส Workation (เวิร์กเคชัน) เหตุค่าครองชีพไม่แพง ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี WiFi ดี มีที่เที่ยวน่าสนใจ  

Holidu.co.uk เว็บไซต์เสิร์ชเอนจินค้นหาที่พักทั่วโลก ของประเทศอังกฤษ สำรวจความเห็นจากผู้ใช้เว็บไซต์ เพื่อรวบรวมรายชื่อเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ที่ผสมผสานความสุขจากการทำงาน (Work) และการพักผ่อนวันหยุด-การเดินทางขณะพักร้อน (Vacation) เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว จัดทำเป็น Workation Index ประจำปี 2021 ซึ่งน่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทย ที่ผลสำรวจปีนี้ชี้ว่า กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของเรา เข้าอันดับมาเป็นที่ 1 ในฐานะเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางการพักร้อนและการทำงานนอกสถานที่ และยังปิดท้ายอันดับ 10 ด้วย ภูเก็ต

 

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การตัดสินนั้นพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกัน อาทิ ค่าเช่าที่อยู่อาศัยรายเดือน ค่ากินเที่ยวดื่มหลังเลิกงาน ความเร็วของอินเทอร์เน็ต WiFi สถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมท่องเที่ยว ประกอบกับข้อมูลความคิดเห็นจากบรรดาเว็บไซต์ท่องเที่ยว อย่าง BestCities.org และ Tripadvisor.co.uk. เป็นต้น

‘กรุงเทพฯ’ ครองแชมป์เบอร์หนึ่ง สุดยอดเมือง Workation ระดับโลก  

การสำรวจพบว่า กรุงเทพมหานคร หรือ กทม. เมืองหลวงของประเทศไทยนั้น เข้าวินมาเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ เนื่องจากค่าครองชีพไม่แพง ความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้คนอยู่ในระดับสูง มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย พรั่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกครบครัน และเปิดกว้างรับสำนักงานบริษัทข้ามชาติ

 

นอกจาก กทม. ที่มาเป็นอันดับหนึ่ง และภูเก็ตในอันดับ 10 แล้ว เมืองใหญ่ในประเทศอื่น ๆ ที่เข้าทำเนียบ Workation Index ประจำปี 2021 ของเว็บไซต์ Holidu (จากทั้งหมด 150 เมือง) ยังประกอบด้วย อันดับ

2. นิวเดลี อินเดีย

3. ลิสบอน โปรตุเกส

4. บาร์เซโลนา สเปน

5. มีสองเมืองได้รับคะแนนเท่ากัน ได้แก่ บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา และบูดาเปสต์ ฮังการี

6. มุมไบ อินเดีย

7. อิสตันบูล ตุรกี

8. บูคาเรสต์ โรมาเนีย

9. ภูเก็ต ไทย

 

ซาราห์ ซิดเดิล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ Holidu.co.uk ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้รูปแบบการทำงานของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังทำให้เห็นว่า คนเราไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในสำนักงานตลอดทั้ง 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่องานที่เรารักเสมอไป การทำงานจากบ้าน (Work from Home) การทำงานโดยไม่ต้องออฟฟิศในวันทำการ ทำให้คนทำงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ สอดคล้องกับกระแส Workation ซึ่งเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการใช้วันหยุดพิเศษเพิ่มเติมในจุดหมายปลายทางที่ต้องการสำรวจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเบี้ยเลี้ยงและวันหยุดประจำปี

‘กรุงเทพฯ’ ครองแชมป์เบอร์หนึ่ง สุดยอดเมือง Workation ระดับโลก  

ซิดเดิลยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เมืองที่ได้รับการโหวตในอันดับต้นๆ คือมีค่าครองชีพที่ไม่แพงมาก ไม่ว่าจะเป็น ราคาที่พัก อาหารและเครื่องดื่ม บวกกับเมืองเหล่านี้เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์น่าทึ่งมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ดูและได้ทำ

 

ทั้งนี้ เว็บ Holidu ยังได้คาดการณ์แนวโน้มของกระแสที่เรียกว่า Digital Nomad ซึ่งหมายความถึง ความสามารถในการทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก ซึ่งจะได้รับความนิยมในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ เนื่องจากบริษัทชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกต่างเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานให้กับพนักงานมากขึ้น ทำให้พนักงานสามารถพักร้อนในต่างประเทศได้นานขึ้น

 

แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของ TripIt ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเพื่อการวางแผนจัดการการท่องเที่ยว ซึ่งพบว่า จำนวนยอดจองที่พักของผู้ใช้บริการในปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2019 (พ.ศ.2562) ถึง 10 เท่า โดยส่วนใหญ่เฉลี่ยขั้นต่ำอยู่ที่ 13-14 วัน ขณะที่ผู้ที่จองเที่ยวบินเดินทางเพื่อไปทำงาน หรือ business trip ทั่วโลกราว 89% ยอมรับว่า ได้บวกเวลาพักร้อนของตนเพิ่มเข้าไปด้วย หลังเล็งเห็นว่าสามารถจัดการเรื่องงานจากนอกสถานที่ที่อยู่ห่างไกลได้

 

“แม้จะมีปัจจัยด้านภาษี กฎหมาย และความต่างของเวลา แต่เงื่อนไขเหล่านี้สามารถวางแผนและจัดการได้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ Workation มีเงื่อนไขเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่จะจัดการ” ซิดเดิลกล่าวในที่สุด

 

ข้อมูลอ้างอิง