ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐได้ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนไปแล้ว 401,819,240 โดส ( ข้อมูล ณ วันที่ 9 ต.ค.) โดยได้กระจายวัคซีนไปแล้ว 487,277,035 โดสทั่วประเทศ
CDC เปิดเผยว่า สหรัฐซึ่งมีประชากรทั่วประเทศราว 333,450,878 คนนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส จำนวนรวม 216,889,814 ราย และมีผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 187,215,471 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมินั้นมีประมาณ 7.8 ล้านราย
ตัวเลขดังกล่าวนับรวมการฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค และโมเดอร์นา ซึ่งต้องฉีด 2 เข็มจึงจะครบโดส และยังรวมถึงการฉีดวัคซีนแบบโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐจะมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน แต่ถึงกระนั้น สหรัฐก็ยังคงมียอดผู้ติดโควิด-19 ทะลุ 45,000,000 ราย มียอดผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดดังกล่าวจำนวนมากกว่า 730,000 ราย โดย Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวนถึง 45,030,695 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 730,413 ราย ทำให้เป็นประเทศที่ครองอันดับ 1 ของโลกทั้งในแง่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
เมื่อพิจารณาเจาะลึกเป็นพื้นที่พบว่า
นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 70,012 ราย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เดินหน้าผลักดันมาตรการหลายด้าน เพื่อหวังเพิ่มจำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับวัคซีนมากขึ้น หลังจากจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง สวนทางกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยหนึ่งในมาตรการล่าสุดของนายไบเดน คือ การเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นให้เงินสดจำนวน 100 ดอลลาร์ต่อคน ให้กับชาวอเมริกันที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเงินดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรจากกองทุนบรรเทาโรคระบาดมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ยังมีการออกกฎใหม่ ให้ลูกจ้างของรัฐบาลกลางกว่า 2 ล้านคน ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนมาแสดง มิเช่นนั้นก็ต้องมีผลการตรวจคัดกรองเชื้อทุกๆ 1-2 สัปดาห์มาแสดงก่อนเข้าทำงาน และต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมทั้งถูกจำกัดการเดินทางด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อนุมัติการใช้วัคซีนไฟเซอร์-บิออนเทคสำหรับผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน รวมทั้งสถาบันการศึกษา ได้ออกเงื่อนไข-ข้อกำหนดการทำงาน ให้บุคลากรในองค์กร-พนักงาน ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในช่วงเวลาที่กำหนด ไม่เช่นนั้นอาจต้องถูกพักงานหรือสูญเสียตำแหน่งงาน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดกระแสชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าว