ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเตรียม แถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) เป็นครั้งแรกต่อสภาคองเกรส ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและชาติตะวันตกกับรัสเซียในกรณียูเครน โดยปธน.ไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันอังคาร (1 มี.ค.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งตรงกับเช้าวันพุธ (2 มี.ค.) เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้อมรั้วรอบอาคารรัฐสภาสหรัฐเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอยในวันที่ 6 ม.ค.2564 ซึ่งฝูงชนที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ราว 2,500 คนได้บุกเข้าไปยังรัฐสภาเพื่อขัดขวางการนับคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งที่คาดว่าจะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน
นอกจากนี้ นายลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ ได้อนุมัติการส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติจำนวน 700 นายเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยกับตำรวจประจำรัฐสภาสหรัฐ เพื่อรับมือกับ People's Convoy ซึ่งเป็นกลุ่มคนขับรถบรรทุกที่ประท้วงรัฐบาลในการออกมาตรการบังคับการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขบวนรถบรรทุกดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าตรงมายังกรุงวอชิงตัน ดีซี เช่นกัน
การแถลงนโยบายประจำปีของปธน.ไบเดนครั้งนี้ ถือว่าล่าช้ากว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนอื่นๆ โดยเป็นครั้งแรกที่การแถลงนโยบายประจำปีถูกจัดขึ้นในเดือนมี.ค. ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐมักทำการแถลงในเดือนม.ค.หรือก.พ.
คาดว่าการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ไบเดนต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายประจำปีต่อวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นครั้งแรกของเขา จะได้รับความสนใจไปทั่วโลก ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในยูเครน โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว CNN จะออกอากาศสดไปทั่วโลกเช่นกัน
นักวิเคราะห์คาดว่าปธน.ไบเดนจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จ และผลงานของรัฐบาลสหรัฐในปีที่ผ่านมา โดยเขาจะกล่าวถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ พร้อมกับจะกล่าวถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งของเขา
นอกจากนี้ ในประเด็นทางการเมือง ปธน.ไบเดนจะกล่าวประณามรัสเซียที่ใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน รวมทั้งจะกล่าวถึงมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซีย และมาตรการให้ความช่วยเหลือต่อยูเครน
ข่าวระบุว่า การกล่าวแถลงนโยบายประจำปีในครั้งนี้มีขึ้นขณะที่คะแนนนิยมของปธน.ไบเดนตกต่ำเป็นประวัติการณ์เหลือเพียง 43% ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวอเมริกันเกี่ยวกับมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากการแถลงนโยบายประจำปี หรือ State of the Union เป็นครั้งแรกต่อสภาคองเกรสแล้ว ในวันที่ 2-3 มี.ค.นี้ ยังมีอีกวาระสำคัญในสหรัฐ นั่นคือ การแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสโดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งนี่อาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้ายของนายพาวเวลล์ ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้
นายพาวเวลล์จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
การแถลงนโยบายการเงินดังกล่าวจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี และเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดหรือไม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดบางรายระบุว่า เฟดจะนำผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งในยูเครนเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณานโยบายการเงินของเฟด
ขณะเดียวกัน ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้ (4 มี.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. 65 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.64 โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 647,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 249,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค.64 โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 510,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง