ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา กล่าวโทษว่า บริษัทน้ำมันและบริษัทเดินเรือ เป็นตัวการที่ทำให้ ราคาสินค้าพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินการทุกทางที่สามารถทำได้เพื่อรับมือกับ ปัญหาเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย.) ว่า ดัชนี CPI ของสหรัฐพุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพ.ค.จากปีก่อน (2564) โดยราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกือบ 50% ใน 1 ปี และราคาของกินของใช้พุ่งขึ้นเกือบ 12% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ท่าเรือลอสแอนเจลิสเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย.) ปธน.ไบเดนกล่าวว่า บริษัทน้ำมันจงใจไม่เพิ่มการผลิตเพื่อรักษาราคาน้ำมันไว้ที่ระดับสูง "บริษัทน้ำมันมีใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมัน แต่พวกเขาไม่ทำ และที่พวกเขาไม่ทำก็เพราะพวกเขาต้องการหาเงินจากการไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น"
ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทเอ็กซอนนั้น ปธน.ไบเดนกล่าวว่า "เอ็กซอนทำเงินได้มากกว่าพระเจ้าในปีนี้"
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังวิพากษ์วิจารณ์บริษัทน้ำมันที่ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อคืนหุ้นของบริษัท โดยเขาระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวควรจะถูกเก็บภาษีด้วย
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า นายไบรอัน ดีส หัวหน้าที่ปรึกษาของปธน.ไบเดนจะได้พบปะกับซีอีโอของบริษัทเอ็กซอนและเชฟรอนในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับราคา การผลิต และภาวะตลาดน้ำมัน
ด้านบริษัทเอ็กซอนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของไบเดน และเปิดเผยว่า บริษัทวางแผนจะเพิ่มการใช้จ่ายทุน 50% ในแอ่งเปอร์เมียน (Permian Basin) ที่อุดมไปด้วยน้ำมันปิโตรเลียมในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2564 และจะเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบอีกมากกว่า 250,000 บาร์เรลต่อวัน
ปธน.ไบเดนยังระบุด้วยว่า บริษัทเดินเรือรายใหญ่ของเอเชียได้ปรับเพิ่มค่าระวางมากถึง 1,000% โดยเขาเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณาดำเนินการกับบริษัทเหล่านั้น นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังย้ำด้วยว่า เงินเฟ้อในสหรัฐนั้นเป็นผลมาจากการทำสงครามของรัสเซียในยูเครนด้วย