สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทั้งค่าอาหารและเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือน ทำให้สหภาพแรงงานรถไฟของอังกฤษ ต้องออกมา นัดหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ เรียกร้องให้มีการ ปรับขึ้นค่าแรง แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็เรียกร้องให้มีการควบคุมค่าแรงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นไปอีก
สมาชิกสหภาพแรงงานอาร์เอ็มทีของเน็ตเวิร์คเรล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟ 13 สาย มีพนักงานราว 40,000 คน หยุดงานประท้วงเป็นวันที่สองวานนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากที่หยุดวันแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) จนทำให้มีรถไฟให้บริการได้เพียง 20% เท่านั้น โดยทางสหภาพประกาศจะนัดหยุดงานอีกครั้งในวันเสาร์นี้ (25 มิ.ย.) พร้อมคำเตือนว่าจะยกระดับการประท้วงหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อขึ้นค่าแรง
นายมิก ลินช์ เลขาธิการสหภาพแรงงานการรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่ง กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่าจะเดินหน้าเจรจากับบรรดานายจ้าง และจะพิจารณาว่ามีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการประท้วงหรือไม่และเมื่อใด ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะมีการยกระดับการประท้วงครั้งนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลวิจารณ์การหยุดงานประท้วงครั้งนี้ว่าเป็นการถ่วงความก้าวหน้า อีกทั้งยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ที่มีรายได้น้อยซึ่งต้องพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะและไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้
สื่อต่างประเทศรายงานว่า การนัดหยุดงานประท้วงดังกล่าว นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ของพนักงานสหภาพการรถไฟของอังกฤษ ส่งผลให้ระบบบริการรถไฟสาธารณะต่าง ๆ เป็นอัมพาต เกิดความวุ่นวาย และกระทบต่อผู้โดยสารหลายล้านคน
บรรยากาศบริเวณสถานีรถไฟสายหลักหลายแห่งแปรสภาพคล้ายกับเมืองร้าง กลุ่มสหภาพแรงงานการรถไฟอาร์เอ็มที ออกคำเตือนว่าประชาชนทั่วไปควรงดเดินทางด้วยรถไฟ หากไม่มีความจำเป็น
นอกจากนี้ กลุ่มสหภาพแรงงานรถไฟยังขู่ว่าอาจมีการรวมตัวกันกับกลุ่มสหภาพครู บุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน พนักงานเก็บขยะ และกลุ่มอื่น ๆ อีก เพื่อประท้วงหยุดงานและเรียกร้องค่าแรงพร้อม ๆกัน ท่ามกลางภาวะอัตราเงินเฟ้อในอังกฤษที่กำลังพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 10%