นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศเมื่อวันจันทร์ (27 มิ.ย.) ว่า นาโตจะเพิ่มจำนวนทหารในการเตรียมความพร้อมระดับสูงขึ้นมากกว่า 7 เท่าเป็น 300,000 นาย ในขณะที่ชาติพันธมิตรเตรียมใช้กลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือกับ รัสเซีย ซึ่งถูกระบุเป็น “ภัยคุกคามโดยตรง” ใน สงครามยูเครน ที่ดำเนินมายืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว
การที่รัสเซียรุกรานยูเครนนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้จุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ขึ้นในซีกโลกตะวันตก ส่งผลให้ประเทศที่เป็นกลางอย่างฟินแลนด์และสวีเดนสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต และยูเครนเองก็ได้สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)
นายสโตลเทนเบิร์กให้สัมภาษณ์กับนักข่าวก่อนจะมีการประชุมนาโต ณ กรุงมาดริดในสัปดาห์นี้ว่า รัสเซียได้หันหลังให้กับการหารือและการเป็นหุ้นส่วนที่นาโตพยายามจะสร้างขึ้นมานานหลายปี
"เราเสียใจที่รัสเซียเลือกจะเผชิญหน้าแทนการเจรจา แต่แน่นอนว่า เราต้องรับมือตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การประชุมสุดยอดของนาโตในวันที่ 28-30 มิ.ย.นั้น จัดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของนาโต หลังจากเกิดความล้มเหลวของปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน และเกิดความขัดแย้งภายในนาโตในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยขู่ว่าจะถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกนาโต
ทั้งนี้ นายสโตลเทนเบิร์กระบุว่า ในอนาคต นาโตจะมีกองกำลังพร้อมรบมากกว่า 300,000 นาย เมื่อเทียบกับกองกำลังตอบโต้ฉับพลัน (NATO Response Force - NRF) จำนวน 40,000 นายที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่นาโตเปิดเผยว่า กองกำลังรูปแบบใหม่นี้จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อแทนที่กองกำลัง NRF โดยจะมีจำนวนทหารที่มากกว่าและความพร้อมรบสูงกว่าอยู่ทั่วทั้งอาณาเขตไม่ว่าจะเป็นทางบก ทะเล อากาศ และทางไซเบอร์ ซึ่งจะถูกกำหนดล่วงหน้าให้สอดคล้องกับแผนการเฉพาะสำหรับการป้องกันชาติพันธมิตร
นายสโตลเทนเบิร์กกล่าวว่า หน่วยรบของนาโตบริเวณปีกตะวันออกของพันธมิตรซึ่งอยู่ใกล้รัสเซียที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบอลติก จะถูกยกระดับเป็นกองพลน้อย โดยมีทหารหลายพันนายที่ได้รับมอบหมายล่วงหน้าในประเทศที่อยู่ห่างไกลออกไปทางตะวันตก เช่น เยอรมนี เพื่อจะสามารถเข้าไปเสริมกำลังได้อย่างรวดเร็ว