พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษ ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (2 ก.ย.) ว่า ผู้ชนะ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่ง นางลิซ ทรัสส์ กำลังมีคะแนนนำอยู่ในเวลานี้ถือเป็นเต็งหนึ่ง จะเป็น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ โดยอัตโนมัติ เนื่องจากทางพรรคครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ ผลการสำรวจล่าสุดยังพบว่า นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กำลังมีคะแนนนำนายริชิ ซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียว และหากนางทรัสส์ประสบชัยชนะก็จะทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ รองจากนางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ และนางเทเรซา เมย์ ตามลำดับ ทรัสส์ยังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอังกฤษในรอบ 6 ปีด้วย
ทั้งนี้ สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศจำนวนราว 200,000 คนได้เริ่มลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และทางพรรคได้ปิดหีบเลือกตั้งแล้วเมื่อวันศุกร์ (2 ก.ย.) ในเวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
ก่อนหน้านี้ นายซูแนคเคยมีคะแนนนำนางทรัสส์ในช่วงแรก ๆ แต่คะแนนเสียงของเขาก็เริ่มแผ่วลงในระยะต่อมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงานของเขาในระหว่างที่เป็นรัฐมนตรีคลังภายใต้การนำของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น รวมทั้งเรื่องที่ประชาชนมีความไม่พอใจต่อนายซูแนคเนื่องจากเขาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี ขณะที่อังกฤษมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19
สื่อรายงานว่า หากนางทรัสส์ชนะการเลือกตั้งได้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม เธอก็จะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน ม.ค.2568
นักวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นนางทรัสส์ ก็คงจะมีช่วงเวลายินดีปรีดากับชัยชนะที่ได้มาไม่นานนัก เพราะเธอต้องกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษนั้นกำลังมีปัญหาเร่งด่วน รอการแก้ไขอยู่
อ่านเพิ่มเติม: รู้จัก ‘ลิซ ทรัสส์’ หญิงแกร่ง ว่าที่นายกฯอังกฤษคนใหม่
โดยล่าสุด ซิตี้กรุ๊ปได้ออกรายงานเตือนว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษจะพุ่งทะลุ 18% ในเดือนม.ค.2566 หลังได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ (2565) ไปจนถึงสิ้นปีหน้า (2566)
BoE คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว
นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังกังวลต่อสถานะทางการคลังของอังกฤษที่อาจสั่นคลอน เนื่องจากนางทรัสส์มีนโยบายปรับลดอัตราภาษี ทั้งยังมีนโยบายออกมาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนของอังกฤษ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นขณะที่รายได้จากภาษีหดลดลง