เทศกาลตรุษจีน ใกล้เข้ามา ซึ่งหมายถึง การเดินทาง กลับบ้านและ การท่องเที่ยว ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งการพบปะสังสรรค์ของคนหมู่มาก แต่สถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 ในจีน ก็ยังคงมีแนวโน้มว่าจะลากยาวและจะเป็นการแพร่ระบาดระลอกรุนแรงกว่าที่เคยมีการคาดคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้
แนวโน้มดังกล่าวมาพร้อมกับความคาดหมายว่า อาจจะมี ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ถึงระดับ 36,000 คนภายในวันที่ 26 ม.ค.นี้
ตัวเลขดังกล่าวมาจากการประเมินสถานการณ์ของ ‘แอร์ฟินิตี’ (Airfinity) บริษัทด้านการวิเคราะห์จากประเทศอังกฤษ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร(17ม.ค.) โดยอ้างถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศจีนช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ หรือเทศกาลตรุษจีน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิด “ซูเปอร์สเปรดเดอร์”
ทั้งนี้ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” หมายถึง การที่สิ่งมีชีวิตติดเชื้อโรคระบาดและแพร่โรคระบาดออกไปอย่างผิดปกติ มนุษย์ที่ป่วยสามารถเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ หรือผู้ที่ขับเชื้อและแพร่เชื้อได้มากเป็นพิเศษ พวกเขามีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น มากกว่าคนที่ติดเชื้อทั่วไป ซูเปอร์สเปรดเดอร์จึงเป็นประเด็นที่มีความกังวลสูงในมุมมองของระบาดวิทยา เพราะผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียวสามารถแพร่กระจายเชื้อในวงกว้าง เป็นกรณีที่คนๆ เดียว ก็สามารถทำให้คนมากมายพลอยติดโรคไปด้วย
ก่อนหน้านี้ แอร์ฟินิตีเคยคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของจีน ในวันเดียวอาจจะแตะระดับพีคสุดที่ 25,000 ราย แต่การคำนวณดังกล่าวได้เปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นั้น หลังจีนยกเลิกข้อจำกัดสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างกะทันหันเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา (2565) และดูเหมือนว่าการเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุด จะเป็นปัจจัยเสริมหนุนทำให้ไวรัสแพร่กระจายสู่มณฑลใหม่ๆ รวมทั้งพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลบริการทางการแพทย์ ได้อย่างรวดเร็ว
นายแพทย์แมตต์ ลินลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของแอร์ฟินิตีเปิดเผยว่า จีนอาจได้เห็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ระลอกใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมและยาวนานกว่าเดิม รวมทั้งมี ‘จุดพีคสุด’ ที่สูงกว่าเดิม
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่หนักหน่วงขึ้น หมายถึงระบบสาธารณสุขของจีนจะต้องแบกรับภาระมากขึ้นกว่าเดิม" นพ.ลินลีย์กล่าว และคาดการณ์ว่า จะเกิดภาระใหญ่หลวงกับระบบสาธารณสุขจีนในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า และมีความเป็นไปได้ว่าคนไข้ที่สามารถรักษาให้หายได้จำนวนมาก อาจต้องมาเสียชีวิต สืบเนื่องจากภาวะผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล และไม่ได้รับการดูแลรักษา
นอกจากนี้ บางมณฑล เช่นหูเป่ยและเหอหนาน อาจได้เห็นคนไข้ที่ต้องการใช้เตียงผู้ป่วยวิกฤต (ไอซียู) มากกว่าที่โรงพยาบาลสามารถรองรับได้ถึง 6 เท่า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนกลับมาเปิดประเทศ-ผ่อนปรนการเดินทางให้สะดวกมากขึ้นทั้งขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมๆการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างกะทันหัน หลังจากที่เคยบังคับตรวจเชื้อ จำกัดการเดินทางและล็อกดาวน์บางพื้นที่เป็นวงกว้างมายาวนานราว 3 ปี
แต่การเปิดประเทศครั้งนี้ ซึ่งมีผลทำให้การสัญจรทางอากาศของจีนพุ่งแตะ 63% ของระดับที่เคยทำไว้ในปี 2019 (ก่อนที่การแพร่ระบาดครั้งแรกของโควิด-19 จะอุบัติขึ้น) ก็เกิดขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ แออัดไปด้วยผู้ติดเชื้อ และฌาปนสถานก็ล้นไปด้วยศพผู้เสียชีวิตจากโควิด
สิ่งที่ต้องจับตาด้วยความเป็นห่วง คือการเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ของจีน (ตรุษจีน) ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. มีประชาชนชาวจีนจำนวนมากทยอยเดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน เตรียมตัวสำหรับฉลองเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มต้นในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ทำให้แอร์ฟินิตีปรับเพิ่มประมาณการสถานการณ์โควิดในจีน โดยคาดว่าผู้ติดเชื้อโควิดจะแตะระดับสูงสุด 4.8 ล้านคนต่อวัน และมีผู้ติดเชื้อระหว่างวันที่ 13-27 ม.ค. มากถึง 62 ล้านคน
นอกจากนี้ ยังมีการปรับตัวเลขประมาณการ สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในจีนนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2565 เป็นต้นมา เป็น 97.3 ล้านคน จากเดิมประเมินไว้ 72.9 ล้านคน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นั้น ปรับตัวเลขประมาณการเป็นราว ๆ 575,000 ราย เพิ่มขึ้นจากตัวเลข 436,780 ราย ที่เคยประเมินไว้เดิม
สำหรับตัวเลขของทางการจีนนั้น เมื่อวันจันทร์(14ม.ค.) จีนปรับแก้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดประเทศ โดยระบุจำนวนผู้เสียชีวิตที่สืบเนื่องจากโควิด-19 และอาการป่วยร่วมกับการติดเชื้อโควิด-19 ว่าอยู่ที่เกือบ ๆ 60,000 รายเท่านั้น
ข้อมูลดังกล่าวทำให้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจีน เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะเชื่อว่าจีนรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริง