ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เสร็จสิ้น การแถลงนโยบายประจำปี (State of the Nation Address) ต่อสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากสภาสหพันธ์หรือวุฒิสภา และสภาดูมาหรือสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งผู้นำกองทัพ และผู้นำภาคธุรกิจ เมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.) หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ นอกจากรัสเซียจะประกาศระงับการเข้าร่วม สนธิสัญญาจำกัดหัวรบนิวเคลียร์ ที่ทำไว้กับสหรัฐเป็นการชั่วคราวแล้ว ปธน.ปูตินยังสั่งกระทรวงกลาโหมและบริษัทใหญ่ด้านพลังงาน พร้อมทดลองนิวเคลียร์หากจำเป็น
ปธน.ปูตินกล่าวว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซีย และโรซาตอม (Rosatom) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย ควรเตรียมพร้อมสำหรับการทดลองนิวเคลียร์หากมีความจำเป็น แต่ก็ย้ำว่า รัสเซียจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นในการทดลองนิวเคลียร์ แต่หากสหรัฐทำการทดลองนิวเคลียร์ รัสเซียก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน
“รัสเซียมีความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับสหรัฐ และรู้ว่าอาวุธนิวเคลียร์บางประเภทกำลังเริ่มหมดอายุ ทำให้สหรัฐเริ่มพิจารณาที่จะทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อย่างเต็มรูปแบบสำหรับการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์แบบใหม่” ปธน.ปูตินกล่าว นอกจากนี้ ยังระบุว่า
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพร้อมทำการเจรจาด้านความมั่นคงกับชาติตะวันตก แต่กลับได้รับการตอบรับที่ “เสแสร้ง” จากสหรัฐ ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ก็ทำการขยายอำนาจอย่างต่อเนื่องลุกลามประชิดชายแดนรัสเซีย
สหรัฐและนาโตมีส่วนจุดชนวนสงคราม
ปธน.ปูตินย้ำว่า รัสเซียเปิดกว้างและมีความจริงใจในการหารือเชิงสร้างสรรค์กับตะวันตก โดยยืนยันว่ายุโรปและทั่วทั้งโลกจะต้องมีระบบความมั่นคงที่เท่าเทียมกันของทุกชาติ แต่รัสเซียกลับได้รับการตอบรับที่ไม่ชัดเจนและเสแสร้ง ขณะที่นาโตขยายอำนาจมาถึงชายแดนรัสเซียเรื่อยๆ ทั้งยังสร้างโล่ขีปนาวุธในยุโรปและเอเชีย
ด้วยเหตุนี้ ปธน.ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศจะเดินหน้าทำสงครามในยูเครนต่อไป และยังกล่าวหาสหรัฐกับพันธมิตรจากนาโต ว่าเป็นฝ่ายที่กระพือให้ความขัดแย้งลุกลามออกไป ท่ามกลางความเชื่อที่ว่าชาติตะวันตกจะสามารถเอาชนะรัสเซียได้
"เราไม่สงสัยเลยว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีการเตรียมการสำหรับการโจมตีดอนบาส(ภูมิกาคด้านตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครนที่มีประชากรเชื้อสายรัสเซียจำนวนมาก) โดยรัฐบาลกรุงเคียฟได้จัดหาอาวุธเพื่อโจมตีดอนบาสตั้งแต่ปี 2557 และได้ทำการโจมตีเรื่อยมา” ปธน.รัสเซียยังกล่าวด้วยว่า "เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตรงกันข้ามกับเอกสารที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้การยอมรับ ซึ่งผมขอย้ำในที่นี้ว่า พวกเขาเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม และเราจะใช้กำลังทหารเพื่อยุติสงครามนี้"
ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียทำทุกอย่างเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงสงคราม แต่ยูเครน ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากชาติตะวันตก ได้วางแผนโจมตีแคว้นไครเมีย อีกพื้นที่ที่เคยเป็นของยูเครนแต่ถูกผนวกรวมเข้ากับรัสเซียในปี 2557
"ชาวยูเครนตกเป็นตัวประกันของระบอบปกครองจากกรุงเคียฟและชาติตะวันตก ซึ่งได้ครอบงำประเทศนี้ทั้งทางด้านการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ ... พวกเขาพยายามขยายความขัดแย้งในท้องถิ่นให้กลายเป็นการเผชิญหน้าในระดับโลก เราเข้าใจในเรื่องนี้ และจะทำการตอบโต้กลับ"
“รัสเซียไม่มีวันยอมจำนน”
ปธน.ปูตินกล่าวว่า ไม่มีทางที่ชาติตะวันตกจะเอาชนะรัสเซียได้ และรัสเซียจะไม่มีวันยอมจำนนต่อความพยายามในการแบ่งแยกสังคมของรัสเซีย
“ชาวรัสเซียส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน และรัฐบาลจะจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อเยียวยาครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตในการทำสงคราม” ขณะเดียวกัน ปธน.ปูตินกล่าวว่า แม้รัสเซียเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก แต่เศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง
สถิติการแถลงนโยบายประจำปีของผู้นำรัสเซีย
ปธน.ปูตินใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาทีในการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ ซึ่งได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขึ้นก่อนครบรอบ 1 ปีของการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565
ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน ปธน.ปูตินงดแถลงนโยบายประจำปีโดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะระบุถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นพิเศษ และเขาได้กล่าวถึงบางประเด็นในการกล่าวสุนทรพจน์ในวาระอื่นๆไปบ้างแล้ว
ส่วนการแถลงนโยบายในปี 2564 มีขึ้นในเดือนเม.ย. เขาใช้เวลา 1 ชั่วโมง 19 นาที ขณะที่มีสถิติบันทึกไว้ว่า การแถลงนโยบายประจำปีของผู้นำรัสเซียที่ใช้เวลานานที่สุดมีขึ้นในปี 2561 โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 55 นาที และการแถลงที่ใช้เวลาสั้นที่สุดมีขึ้นในปี 2547 และปี 2548 โดยใช้เวลาเพียง 48 นาที
นอกจากนี้ การแถลงนโยบายประจำปี 2560 ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 1 มี.ค.2561 ซึ่งนายเซอร์เก คิริเยนโก รองผู้อำนวยการทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียในขณะนั้น กล่าวว่า การแถลงนโยบายประจำปีถือเป็นสิทธิของประธานาธิบดี ซึ่งสามารถจัดขึ้นเมื่อใดก็ได้ตามที่เห็นสมควร