หลายสิบบริษัทสหรัฐ มารวมตัวกันที่เวียดนาม เพื่อเข้าร่วมพันธกิจทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด จัดโดย “สภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน” มุ่งผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังเป็นที่ดึงดูดใจของนักลงทุนจากจีน ในการเข้ามาขยายตลาด และห่วงโซ่อุปทานของตน เพราะถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ
งานนี้จัดทุกปี ปีนี้ดำเนินการโดยอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนาม มีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทสหรัฐ เข้าร่วมงานครั้งนี้ 52 บริษัท รวมถึง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐอย่าง โบอิ้ง (BA) และเน็ตฟลิกส์ (Netflix) ด้วย
"ผู้บริหารโบอิ้ง" ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังเตรียมหารือกับรัฐบาลเวียดนาม เพื่อเพิ่มร่วมมือระหว่างกัน และหาแนวทางเพื่อเสริมขีดความสามารถด้านการบินและการป้องกันประเทศ
ที่ผ่านมาโบอิ้งเข้ามาลงทุนและดำเนินธุรกิจในเวียดนามต่อเนื่อง ทั้งการตั้งอาคารสำนักงาน ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ของเวียดนามในด้านการผลิต, โครงสร้างพื้นฐาน, บริการด้านวิศวกรรม, ความปลอดภัยในการบิน, ความยั่งยืน, การวิจัยและเทคโนโลยี, การฝึกอบรม และการพัฒนาทักษะ
ด้าน "เน็ตฟลิกส์" ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดความร่วมมือกับเวียดนาม แต่มีรายงานจากวงในว่าสื่อยักษ์ใหญ่กำลังศึกษาวิธีและกฎระเบียบใหม่ของเวียดนาม เพื่อขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจเพื่อให้บริการสตรีมมิ่ง ขณะเดียวกันบริษัทกำลังวางแผนที่จะเปิดสำนักงานแห่งแรกในเวียดนามด้วย
The Bliz ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายบริษัทสหรัฐ ประเมินว่าสาเหตุที่เวียดนามกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว และจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ทำให้ GDP ของประเทศขยายตัว 8% ในปีที่แล้ว สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในวงกว้าง
แต่การที่เวียดนามมีจำนวนประชากรมากกว่า 97 ล้านคนก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ เพราะเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้ากับต่างประเทศมากที่สุดในโลก ช่วงที่ผ่านมา “การส่งออกเวียดนามได้รับผลกระทบหนักที่สุด จากอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง” ตามรายงานของ Capital Economics
Oxford Economics คาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP ของเวียดนามในปีนี้ จะชะลอตัวลงเหลือ 4.2% จาก“ประเทศคู่ค้าที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอ และความเสี่ยงทางการเงินของโลกที่เพิ่มขึ้น”
ที่มา : CNN